Marques Brownlee ครีเอเตอร์ชื่อดังสายเทคชื่อดังหรือที่รู้จักกันในชื่อ MKBHD โพสต์คลิป ‘The MKBHD Method™ For Editing High Quality Videos’ ได้ชวนทีมมาแชร์เทคนิคการตัดต่อตามสไตล์ช่อง MKBHD เพื่อสร้างสรรค์วิดีโอคุณภาพสูงตั้งแต่กระบวนการตัดต่อ การปรับสี กราฟิก ไปจนถึงการออกแบบเสียง
4 สิ่งสำคัญที่ในการสร้างสรรค์วิดีโอฉบับ MKBHD
- Good In, Good Out: การวางแผนให้ละเอียดจะทำให้ได้ผลลัพธ์การตัดต่อที่ดีกว่า
- Focus: โฟกัสการตัดต่อเพราะสิ่งที่ตัดออกไปสำคัญพอกับสิ่งที่เก็บไว้
- Don’t Be Boring, But Don’t Be Insulting: ต้องหาวิธีการตัดต่อที่ไม่น่าเบื่อแต่ก็ต้องไม่รบกวนการรับชมมากเกินไป ที่สำคัญการตัดต่อไม่ได้มีแค่การเร่งความเร็วเพียงอย่างเดียว
- Know Your Audience: รู้ว่าตัวเองกำลังสื่อสารกับใครและรู้จักกลุ่มเป้าหมายของตัวเอง เพื่อปรับวิดีโอให้เหมาะสมกับผู้ชม
คำแนะนำจาก Lead Editor
ปัญหาที่พบบ่อยในการตัดต่อคือการมีฟุตเทจที่มากหรือน้อยเกินไป สำหรับกรณีที่มีฟุตเทจมากเกินไปสามารถแก้ไขได้ด้วยการเก็บดราฟต์ของทุกอย่างไว้ เพื่อให้สามารถย้อนกลับไปดึงฟุตเทจเก่า ๆ กลับมาใช้งานได้ในอนาคต รวมถึงควรใช้การติดป้ายกำกับ (Label) บนฟุตเทจเพื่อให้รู้ว่าใช้ฟุตเทจแต่ละชิ้นในสัดส่วนเท่าไหร่
ส่วนกรณีที่มีฟุตเทจน้อยเกินไปสามารถแก้ได้โดยการเพิ่มส่วน Montage เข้าไป และใช้เพลงช่วงเมื่อเปลี่ยนฉาก เพื่อช่วยให้การเปลี่ยนฉากเป็นไปอย่างราบรื่นและให้บริบท
นอกจากนี้ต้องคำนึงถึงสิ่งที่คนดูจะได้รับจากการดูคลิป หากมีสิ่งที่คนดูอาจไม่สนใจหรือเป็นสิ่งที่ออกนอกจากประเด็นหลักที่ต้องการสื่อสารก็สามารถตัดออกได้ เพื่อเน้นข้อมูลหลักที่ต้องการนำเสนอ
การทำ Color Grading
การปรับสีคือการเน้นและลดความสำคัญในส่วนต่าง ๆ ของภาพ โดยสามารถใช้กฎ 80/20 คือ 80% ของภาพควรจะดีตั้งแต่ขั้นตอนการถ่ายทำ เพราะแสงที่ไม่ดีอาจแก้ไขยากในขั้นตอน Post-production ในการถ่ายทำควรใช้กล้องที่สามารถถ่ายในรูปแบบ LOG และมี 10 bit codec เพราะข้อมูลที่มากขึ้นหมายถึงความยืดหยุ่นที่มากขึ้นในการปรับสี ส่วน 20% สุดท้ายคือการปรับสีที่เหลือ
นอกจากนี้ยังมีการแชร์เคล็ดลับการใช้ LUTs (Lookup Table) หรือฟิลเตอร์ที่วางทับบนฟุตเทจ โดย Vin Art Director ประจำช่อง MKBHD แชร์ว่าไม่ชอบใช้ LUTs ที่มาจากกล้องเพราะมันไม่ได้ปรับให้เข้ากับกล้องแต่ละรุ่น จึงแนะนำให้ใช้ LUTs ที่กำหนดเองมากกว่า
การออกแบบ Motion Design
ความผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดคือการพยายามเลียนแบบสิ่งที่ช่องอื่นทำได้ดี แต่หลายคนมักลืมคิดว่าคนดูไม่มีเหตุผลที่จะดูงานทำซ้ำจากต้นฉบับ ส่วนการออกแบบก่อนแอนิเมชันควรจะเริ่มจากการออกแบบกราฟิกแบบ Vectorized Paths ก่อน แล้วจึงส่งต่อไปยัง After Effects เพื่อต่อยอดทำแอนิเมชัน
นอกจากนี้เอฟเฟกต์เฉพาะอย่าง Glow ยังสามารถใช้เพื่อเพิ่มพลังให้กับภาพ และการใช้ Turbulence Displace ควบคู่กับการแสดงผล Wiggle ก็ช่วยให้รูปร่าง Vector ดูเหมือนภาพวาดด้วยมืออีกด้วย
รวมถึงยังมีคำแนะนำ 3 หลักการสร้างแอนิเมชันจาก Walt Disney มาฝากให้ครีเอเตอร์ดังนี้
- Easing: การผ่อนความเร็วทำให้การเคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติและเหมือนมีชีวิต เช่น เริ่มช้า, เคลื่อนที่เร็ว, จบช้า โดยมี Plugin ที่แนะนำสำหรับการปรับค่า Easing คือ Motion Studio
- Timing: การทำให้จังหวะการเคลื่อนไหวของภาพตรงเสียงหรือสิ่งที่คนกำลังพูด
- Staging: การจัดฉากเพื่อนำสายตาผู้ชมไปยังสิ่งที่ต้องการเน้นทีละขั้นตอน
การออกแบบ Sound Design
เสียงเป็นส่วนสำคัญในการทำให้วิดีโอสมบูรณ์มากขึ้น โดย 90% ของการบันทึกเสียงที่ดีคือการวางตำแหน่งไมโครโฟนให้ถูกที่ ซึ่งทีม MKBHD ใช้ไมโครโฟนแบบ Shotgun ที่มีรูปแบบการรับเสียงแบบทิศทาง และควรวางไมโครโฟนให้ใก้ลที่สุด
ส่วนระดับเสียงควรเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ -20 dB และไม่ควรเกิน -12 dB เพื่อหลีกเลี่ยงการ Clipping นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มเสียงที่ไม่มีในฟุตเทจเข้าไปเพื่อเพิ่มความน่าสนใจของวิดีโอได้ด้วย ซึ่งการออกแบบเสียงสามารถทำได้ทั้งกับสิ่งที่เคลื่อนไหว ความเงียบ และเสียงเอฟเฟกต์ต่าง ๆ เพื่อเชื่อมต่อกับคนดู
นอกจากนี้ MKBHD ยังทิ้งท้ายว่าถึงสิ่งที่จะทำให้คนสนใจวิดีโอของเรานอกจากการตัดต่อ คือ ความสนใจหัวข้อในคอนเทนต์มาก่อน และการที่ครีเอเตอร์สามารถเชื่อมโยงหัวข้อนั้นกับสิ่งที่คนดูสนใจในอดีต
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเคล็ดลับการตัดต่อคลิปแบบ MKBHD ที่ RAiNMaker สรุปมาฝากทุกคน สำหรับใครที่อยากศึกษาทุกขั้นตอนแบบละเอียดสามารถเข้าไปรับชมคลิปได้ที่: https://youtu.be/eNgD1kg3U14?si=vwTD83B7d7bSc67G
