คุยกับตัวพ่อคอนเทนต์กับการขายที่ไม่ Hard Seller พลิกคอนเทนต์เป็นสินค้า ต่อยอดการสร้างรายได้ฉบับ ‘เทพลีลา’ บน Shopee x YouTube Shopping

ใครที่เริ่มทำอาชีพครีเอเตอร์มาซักระยะคงจะพอรู้แล้วว่าการเป็นครีเอเตอร์ในยุคปัจจุบันต้องไม่หยุดอยู่แค่การทำคอนเทนต์เพียงอย่างเดียว แต่ต้องมองไปถึงการต่อยอดอย่างมั่นคงและยั่งยืนโดยเฉพาะเรื่องของรายได้ ซึ่งวันนี้ RAiNMaker มีโอกาสได้พูดคุยกับตัวแทนของครีเอเตอร์สุดฮอตอย่าง ‘คุณเติ๊ด’ จากช่อง ‘เทพลีลา’ ถึงเคล็ดลับและเบื้องหลังการสร้างสรรค์คอนเทนต์ จนสามารถต่อยอดเป็นสินค้าอย่าง ‘บอร์ดเกมคำต้องห้าม’ ที่กลายเป็นหนึ่งในช่องทางการสร้างรายได้หลักของเทพลีลาไปแล้ว

เมื่อก่อนครีเอเตอร์มีช่องทางการสร้างรายได้หลักอยู่ไม่มากนัก ส่วนใหญ่มาจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย แบรนด์ และสปอนเซอร์ แต่เมื่อครีเอเตอร์เริ่มมีอิทธิพลกับคนดูมากขึ้น ช่องทางและโอกาสในการสร้างรายได้ก็มากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งสิ่งที่กลายเป็นช่องทางรายได้หลักของครีเอเตอร์หลายคนก็คือการทำ ‘Affiliate’

ส่วนแพลตฟอร์มที่เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันและสนับสนุนการทำ Affiliate รวมถึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางการสร้างรายได้หลักของเทพลีลานั่นก็คือ Shopee แพลตฟอร์ม E-commerce ที่ตอบโจทย์ครีเอเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น การเปิด Online Shop, ทำ Shopee Affiliate ไปจนถึงการจับมือกับ YouTube เพื่อเปิดโปรแกรม ‘Shopee x YouTube Shopping’ เพื่อเปิดโอกาสให้เหล่า YouTube สร้างรายได้เพิ่มเติมจากการทำคอนเทนต์

จากเกมในจอ สู่บอร์ดเกมในชีวิตจริง

ย้อนกลับไปก่อนที่จะมาเป็นเทพลีลาในวันนี้ คุณเติ๊ดและคุณเหว่งได้เริ่มต้นทำช่องขึ้นมาโดยอิงจากความชอบของคนดูเป็นหลัก จากนั้นจึงเริ่มจับจุดการทำคอนเทนต์โดยการหาและวิเคราะห์อินไซต์ของคนดู เพื่อนำมาทำคอนเทนต์ให้ตอบโจทย์สิ่งที่พวกเขาสนใจ พร้อมกับค่อย ๆ สร้างความเชื่อใจให้คนดูผ่านคอนเทนต์ที่สะท้อนความจริงใจและความเป็นตัวเองไปเรื่อย ๆ จนเทพลีลาสามารถสร้างคอมมูนิตี้และค้นพบ Hero Content ประจำช่องอย่าง ‘คำต้องห้าม’ ได้ในที่สุด

หลังจากรายการคำต้องห้ามโด่งดังจนเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง เทพลีลามองเห็นโอกาสและเริ่มคิดหาทางต่อยอดคอนเทนต์จากโลกออนไลน์สู่ออฟไลน์ โดยที่โจทย์คือการสร้างรายได้เพิ่มเติมจากสิ่งที่ทำอยู่ให้ยั่งยืน จึงเกิดเป็นสินค้า Merchandise ชิ้นแรกของช่องอย่างบอร์ดเกมคำต้องห้าม ที่กลายมาเป็นหนึ่งในรายได้หลักนอกจาก YouTube และ Sponsor & Branded Content

แต่เส้นทางการขาย Merchandise ในช่วงแรกไม่ราบรื่นมากนัก แม้เทพลีลาจะมีต้นทุนจากการทำคอนเทนต์ แต่สำหรับการขายสินค้ากลับต้องเริ่มจากศูนย์ เมื่อลองผิดลองถูกแล้วไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเจอปัญหาตั้งแต่การผลิต การสื่อสาร ไปจนถึงการจัดการคำสั่งซื้อ จึงทำให้คุณเติ๊ดตัดสินใจขยายทีม Merchandise และ E-commerce เพื่อเข้ามาดูแลส่วนนี้โดยเฉพาะ รวมถึงเลือก Shopee เป็นช่องทางในการเปิดหน้าร้านเพื่อขายสินค้า

‘Shopee’ ตัวช่วยสร้างรายได้สำหรับครีเอเตอร์

นอกจาก Shopee จะช่วยเรื่องการเปิดหน้าร้านและจัดระบบหลังบ้านในการขายสินค้าแล้ว แพลตฟอร์มยังมีโปรแกรม Shopee Affiliate และ Shopee x YouTube Shopping ที่เป็นทางเลือกสำหรับครีเอเตอร์ที่ต้องการสร้างรายได้ผ่านคอนเทนต์อีกด้วย ซึ่งเทพลีลาก็ได้เข้าร่วมโปรแกรม Shopee x YouTube Shopping เพื่อทำคอนเทนต์ติดตะกร้าสินค้าทั้งของตัวเองและสินค้าของคนอื่นเป็นการสร้างรายได้เพิ่มเติมจากคอนเทนต์

เพราะการเข้าร่วมโปรแกรม Shopee x YouTube Shopping นอกจากครีเอเตอร์จะได้อิสระในการทำคอนเทนต์ทั้งคลิปสั้นและคลิปยาวแล้ว ยังได้ส่วนแบ่งจากยอดขายสินค้าอีกด้วย งานนี้เรียกว่ามีแต่ได้กับได้

“การทำ Shopee Affliate เป็นวิธียอดเยี่ยม แต่จะยอดเยี่ยมกว่าถ้าสินค้านั้นเป็นสินค้าของเราเอง” 

ยิ่งเทพลีลามีสินค้าที่เกี่ยวกับคอนเทนต์อยู่แล้ว จึงทำให้การติดตะกร้าดูเป็นการขายสินค้าที่ถูกที่ถูกเวลา เพราะคอนเทนต์สามารถขายสินค้าได้ด้วยตัวเอง ส่วนครีเอเตอร์คนไหนที่ไม่มีสินค้าของตัวเองก็สามารถเข้าร่วมโปรแกรม Shopee Affiliate ทำคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือนำสิ่งที่ใช้ในชีวิตประจำวันมาทำคอนเทนต์เพื่อติดตะกร้าสินค้าของคนอื่นได้เช่นกัน เหมือนกับที่เทพลีลามีคอนเทนต์ที่ติดตะกร้าสินค้าของคนอื่นอย่าง WEREWOLF คืนหอนหลอนหมาป่า และทายราคา ซึ่งทั้งรายการดังกล่าวก็เป็น Top 3 คอนเทนต์ที่ติดตะกร้าแล้วยอดปังที่สุดบนช่อง

ทำไมต้อง Shopee x YouTube Shopping 

นอกจากนี้คุณเติ๊ดยังแชร์ว่าเทพลีลาสร้างยอดขายจาก Shopee x YouTube Shopping ราว 5.2 ล้านบาท และมียอดคลิกลิงก์ต่อเดือนถึง 3 แสนคลิกเลยทีเดียว ซึ่งนอกจากทำคอนเทนต์ติดตะกร้าสินค้าตัวเองแล้ว เทพลีลาก็ยังเปิดให้ครีเอเตอร์คนอื่นสามารถนำสินค้าไปทำคอนเทนต์ติดตะกร้าได้ด้วย เรียกว่ามี Shopee แค่แพลตฟอร์มเดียวช่วยทั้งดันยอดขายและสร้างรายได้กันแบบเต็มที่เลยก็ว่าได้

แม้ครีเอเตอร์หลายคนจะชอบเข้าใจผิดว่าการติดตะกร้าบนคลิปจะมีผลต่อยอดเข้าชมหรือยอดเอนเกจเมนต์ ซึ่งความเป็นจริงไม่มีผลใด ๆ แต่กลับดีเสียอีกเพราะเราสามารถได้รายได้เพิ่มเติมจากส่วนแบ่ง Affiliate ยิ่งติดตะกร้าบนคลิปที่มียอดวิวสูง ยิ่งมีแนวโน้มที่คนดูจะกดลิงก์สินค้าสูงตามไปด้วย คุณเติ๊ดจึงย้ำกับเราบ่อยมากว่า ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ติดตะกร้า”

อีกทั้งการผสานพลังระหว่าง Shopee x YouTube Shopping ยังเพิ่มความสามารถให้การใช้งานฟีเจอร์หลังบ้านของ YouTube มีประสิทธิภาพมากขึ้นไปอีก โดยคุณเติ๊ดแนะนำ 2 ฟีเจอร์ที่ครีเอเตอร์ควรใช้คือ

  • YouTube Analytics: ควรเข้าไปดูอินไซต์หลังบ้านควบคู่เป็นประจำ เพราะจะทำให้เข้าใจพฤติกรรมคนดูมากขึ้นว่าพวกเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร รวมถึงทำให้ครีเอเตอร์สามารถเลือกโฟกัสกลุ่มเป้าหมายได้ถูกกลุ่ม เพื่อนำมาต่อยอดหาสินค้าที่คิดว่าเหมาะกับกลุ่มคนดูของตัวเอง ซึ่งการดูข้อมูลหลังบ้านนอกจากจะเห็นพฤติกรรมการดูคลิปแล้วยังเห็นถึงพฤติกรรมการซื้อสินค้าอีกด้วย 
  • Timestamp: ตัวช่วยปักหมุดเวลาติดตะกร้าสินค้าให้เหมาะกับคอนเทนต์ เพื่อดูว่าช่วงไหนของคลิปที่คนดูเยอะที่สุด กระตุ้นให้คนรู้สึกอยากกดลิงก์เข้าไปดูมากขึ้น

ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่า Shopee Affiliate กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นหนึ่งในช่องทางการสร้างรายได้หลักสำหรับครีเอเตอร์อย่างเต็มตัว ดังนั้นครีเอเตอร์ยุคนี้นอกจากจะต่อยอดคอนเทนต์ในสื่อของตัวเองแล้ว ควรมองถึงการต่อยอดสู่สิ่งใหม่ เช่น สินค้า หรือช่องทางการสร้างรายได้ เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งนี้จะช่วงสร้าง Ecosystem ของครีเอเตอร์ให้สามารถทั้งทำคอนเทนต์และสร้างรายได้ไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน

ส่วนใครที่รอสินค้าใหม่ของเทพลีลาอยู่ บอกเลยว่ามีข่าวดีเร็ว ๆ นี้แน่นอน เพราะพี่เติ๊ดกระซิบว่าจะเปิดตัวสินค้าใหม่โดยต่อยอดจากคอนเซ็ปต์ “การเป็นเพื่อนกินข้าว” ให้สินค้าสามารถแทรกซึมอยู่กับคนดูตอนกินข้าวเหมือนกับที่ทุกคนชอบดูคลิปของเทพลีลาตอนกินข้าวนั่นเอง

หากใครกำลังมองหาช่องทางการสร้างรายได้ที่ตอบโจทย์สำหรับครีเอเตอร์อยู่แล้วล่ะก็สามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรม Shopee Affiliate และ Shopee x YouTube Shopping ได้ที่

Copyright © 2025 RAiNMaker. All rights reserved.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save