
Jimmy Donaldson หรือที่รู้จักกันดีในฐานะครีเอเตอร์อย่าง ‘MrBeast’ ได้ให้สัมภาษณ์กับ Jeff Housenbold ซีอีโอของ Beast Industries ในงาน The New York Times DealBook Summit เมื่อวันที่ผ่านมา ก็ทำให้รู้ถึงมุมมองต่อการเป็นยูทูบเบอร์เบอร์ 1 ของโลกต่อแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมของยุคนี้ของ TikTok มากขึ้น
โดยประเด็นนี้เริ่มมาจากการถูกถามถึงเรื่องที่ผู้คนถกเถียงกันเรื่องการใช้งานสมาร์ตโฟนของเด็กในปัจจุบัน ที่ต้องเสพสื่อและคอนเทนต์มากมาย โดยที่บางอย่างอาจถูกคัดกรองไม่มากพอ และครีเอเตอร์ก็เปรียบเสมือนกับสื่อที่ต้องปล่อยคอนเทนต์ออกมาอยู่ตลอด และต้องมีการคำนึงถึงความเหมาะสมต่อผู้ชมด้วย
ด้าน MrBeast ที่ประสบความสำเร็จทั้งด้านการสร้างคอมมูนิตี้ผ่าน YouTube และบริษัท Beast Industrie ที่ตอนนี้มีมูลค่า 5.2 พันล้านดอลลาร์ก็มองว่า เขาไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเคยพยาพยามที่จะเสนอซื้อบริษัท TikTok มาก่อน แต่ก็ไม่ได้ซื้อเนื่องจากมองว่า TikTok มีคอนเทนต์ “Brain Rot” มากกว่า YouTube
ซึ่ง Brain Rot หมายถึงการที่ TikTok มีคอนเทนต์คุณภาพต่ำแต่ทำให้เสพติดง่ายโดยไม่ต้องใช้ความคิดหรือวิเคราะห์เยอะ กลับกันคอนเทนต์บน YouTube จะเน้นไปทางคุณภาพที่ครีเอเตอร์ต้องโฟกัสในทุก ๆ คลิปมากกว่า ซึ่งนับเป็นอีกความเห็นที่น่าสนใจ เพราะเขาถือเป็นยูทูบเบอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดระดับโลก แต่กลับกันนักวิจารณ์ก็มองว่าคอนเทนต์ของ MrBeast ก็มีส่วนในการสร้างวัฒนธรรม Brain Rot เช่นกัน
แต่นอกจากการวิจารณ์ความแตกต่างของแพลตฟอร์มแล้ว MrBeast ก็ได้แชร์ถึงความพยายามที่จะเน้นไปที่การปรับปรุงคุณภาพของวิดีโอในปีหน้าเช่นกัน แต่การกระจายตัวของสื่อบน YouTube ที่ต้องการทำให้เติบโตขึ้นในปัจจุบันนั้นก็ทำได้ยากขึ้นไปด้วย
สรุปจากภาพรวมของ The New York Times DealBook Summit แล้ว ฝั่ง MrBeast ก็ยังคงจะขยายการเติบโตของอาณาจักรมูลค่า 5.2 พันล้านดอลลาร์จากการสร้างคอนเทนต์ต่อไป โดยมีฐานผู้ชมเป็นเยาวชนเป็นหลัก ซึ่งคำตอบการสัมภาษณ์ของเขานั้นนับว่าค่อนข้างจะย้อนแย้งกับการพยายามเคยซื้อ TikTok เช่นกัน