News
เพื่อเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่โลกโซเชียลอ้างอิงถึงนั้นไม่เป็นความจริง โดยเฉพาะการที่อัลกอริทึมและ Meta AI นั้นมีการสอดส่องกิจกรรมและแชตที่มากจนเกินไป ทำให้ Meta ได้ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมว่ามี ‘Privacy Policy’ เพื่อรับรองความเป็นส่วนตัว
หลังจากมีโพสต์ใน Instagram ที่มีผู้คนให้ยอดเอนเกจเมนต์ไปมากกว่า 100,000 ครั้ง ออกมาเผยว่า Meta ผู้เป็นเจ้าของทั้ง Facebook, Instagram และ WhatsApp นั้นจะเริ่มมีการแอบอ่านข้อความแชต (Direct Messages) ของผู้ใช้เมื่อมีการอัปเดตนโยบายความเป็นส่วนตัวในวันที่ 16 ธันวาคม 2025 และทั้งข้อความ รูปภาพ รวมถึงวิดีโอจะถูกป้อนเข้าเป็นข้อมูล AI
จากข้อมูลของ Similarweb เผยว่าแอป Meta AI กำลังได้รับความนิยมจากผู้ใช้เป็นอย่างมาก หลังการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในชื่อ ‘Vibes’ ที่ให้ผู้ใช้สามารถสร้างวิดีโอด้วยการป้อนคำสั่งผ่าน AI โดยข้อมูลระบุว่ายอดผู้ใช้งานต่อวัน (Daily Active Use) ของแอปบน iOS และ Android เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
Meta เพิ่มการแปลภาษาด้วย AI บน Reels อีก 2 ภาษา ซึ่งมีจุดประสงค์ให้ผู้ชมหลากหลายภูมิภาคดูคอนเทนต์ของครีเอเตอร์จากประเทศอื่น ๆ มากขึ้น จากเดิมที่มีการรองรับเพียงแค่ภาษาอังกฤษ และสเปน ตอนนี้ได้มีการเพิ่มภาษาฮินดี รวมถึงโปรตุเกสเข้ามาร่วมกับการใช้ AI ในการลิปซิงก์เสียงของเราให้ตรงกับภาษาที่เลือกด้วย
ในขณะที่วงการคอนเทนต์กำลังมีข้อถกเถียงกันสำหรับการใช้ AI ในการสร้างสรรค์ ล่าสุด Meta เปิดตัวหน้าฟีดใหม่ โดยใช้ชื่อว่า ‘Vibes’ บนแอปพลิเคชัน Meta AI ซึ่งผู้ใช้จะสามารถเลื่อนดูคลิปต่าง ๆ แบบเต็มจอ ได้เช่นเดียวกับ TikTok หรือ Reels รวมถึงสามารถแชร์ลง Facebook และ Instagram ด้วย
Meta ได้ร่วมมือกับ Midjourney เพื่อขอลิขสิทธิ์เทคโนโลยีด้านสุนทรียะ (Aesthetic Technology) มาใช้ในโมเดล และผลิตภัณฑ์ของตัวเอง หลังจากในปัจจุบันมีผู้ลงโฆษณาในกิจระดับเล็ก และกลางกว่า 2 ล้านคนใช้ฟีเจอร์เจนวิดีโอด้วย AI โดย Alexandr Wang ประธานฝ่าย AI ได้กล่าวว่า Meta มีกลยุทธ์แบบ All-of-The-Above ซึ่งหมายถึงการมีบุคลากรระดับโลก เพื่อทำงานร่วมกับผู้เล่นที่เก่งที่สุดในอุตสาหกรรม
ปัจจุบันการแข่งขันไม่ได้เข้มข้นแค่เรื่องของการพัฒนาฟีเจอร์ และเครื่องมือ AI บนแพลตฟอร์มเท่านั้น แต่ศึกแย่งชิงพนักงาน และบุคลากรชั้นนำด้าน AI เข้าบริษัทก็เดือดมากไม่แพ้กัน เพราะหลังจากที่ Meta ทุ่ม 1.43 หมื่นล้านดอลลาร์จนสามารถปิดดีลกับ Alexandr Wang ซีอีโอแห่ง Scale AI มาทำงานด้วยได้ ก็สานต่อการเสนอโบนัสให้กับพนักงาน OpenAI ด้วยเงิน 100 ล้านดอลลาร์เพื่อจ้างงานต่อ
หลังจาก Meta ได้ปล่อยตัวอย่างของ ‘Restyle’ เครื่องมือตัดต่อที่ขับเคลื่อนด้วย AI เมื่อปลายปีที่แล้ว ตอนนี้ Meta ได้ปล่อยฟีเจอร์นี้ออกมาให้ผู้ใช้ทั่วไป และครีเอเตอร์ได้ลองเปลี่ยนลุคในวิดีโอบนแอป Meta AI และ Edit ของ Instagram แล้ว นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถใช้ฟีเจอร์ Restyle ฟรีในช่วงแรกอีกด้วย
แม้ Meta จะเป็นแพลตฟอร์มใหญ่ที่มีข้อมูลผู้ใช้กว่า 3 พันล้านคนแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังต้องพึ่งพาข้อมูลภายนอกเพื่อพัฒนาโมเดล AI อยู่ ส่งผลให้ล่าสุด Meta ต้องเผชิญคดีในสหรัฐฯ เนื่องจากการใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาตในการนำมาเทรน Llama ซึ่งเป็น AI ของ Meta
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า