
YouTube ทยอยเปิดใช้งานฟีเจอร์ใหม่ ‘Effects Maker’ ให้ครีเอเตอร์สามารถสร้างเอฟเฟ็กต์บน Shorts ได้ พร้อมระบบจัดการคอมเมนต์แบบใหม่ ‘Bulk Comment Controls’ เพื่อให้ครีเอเตอร์จัดการบทสนทนาของผู้ติดตามในช่องของตัวเองได้ และ ‘Brand Connect’ เพื่อรองรับการคอลแลปส์ระหว่างครีเอเตอร์ รวมถึงสปอนเซอร์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

‘Effects Maker’ คือฟีเจอร์ที่เปิดให้ครีเอเตอร์ได้สร้าง, เผยแพร่ และจัดการกับเอฟเฟ็กต์ได้อย่างอิสระ ซึ่งฟีเจอร์ใหม่นี้มีความคล้ายกับ Lens Studio จาก SnapChat ในขณะเดียวกัน YouTube ก็กำลังเพิ่ม AI เข้ามาช่วยในการสร้างสรรค์ของครีเอเตอร์เช่นเดียวกับเอฟเฟ็กต์บน TikTok อย่างไรก็ตามฟีเจอร์นี้ใช้งานได้เฉพาะ Desktop เท่านั้น และทาง YouTube ยังไม่ได้ระบุว่าจะเปิดให้ใช้งานบนมือถือได้เมื่อไหร่
โดยทาง YouTube ได้ทดลองใช้เอฟเฟ็กต์นี้มาประมาณ 1 ปี รวมถึงเพิ่มตัวเลือกใหม่เพื่อรองรับความคิดสร้างสรรค์ของผู้ใช้งาน สำหรับใครที่สนใจทดลองฟีเจอร์สามารถเข้าไปลงทะเบียนได้ที่ ‘Advance Features’ ผ่าน YouTube Studio เพื่อใช้งานฟีเจอร์ที่กล่าวมาได้เลย
นอกจากนี้แพลตฟอร์มยังเพิ่มฟีเจอร์ ‘Bulk Comment Controls’ เพื่อจัดการคอมเมนต์แบบกลุ่ม ซึ่งก่อนหน้านี้ครีเอเตอร์จะจัดการคอมเมนต์ได้จำนวนจำกัด แต่ตอนนี้ผู้ใช้สามารถกดเลือกทุกคอมเมนต์เพื่อสั่งการได้ในครั้งเดียว เช่น การลบหรือรายงาน อีกทั้งยังเพิ่มตัวเลือก ‘Subscribers Only’ ให้คอมเมต์ได้เฉพาะผู้ติดตาม โดยตอนนี้ครีเอเตอร์ที่ต้องการใช้งานต้องตั้งค่าใหม่ทีละคลิป ซึ่ง YouTube กำลังเร่งพัฒนาระบบให้รองรับได้ดียิ่งขึ้น

เท่านั้นยังไม่พอระบบ ‘Brand Connect’ ก็ถูกเพิ่มเข้าเป็นฟีเจอร์ใหม่เช่นเดียวกัน โดยระบบนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับงานคอลแลปส์ระหว่างครีเอเตอร์ และแบรนด์ ด้วยการแท็กแบรนด์ที่เป็นพาร์ทเนอร์กับเราตั้งแต่อัปโหลดวิดีโอ หรือเข้ามาแก้ไขหลังการลงคลิป ซึ่งช่องของเราจะปรากฏอยู่ในคอนเทนด์ที่ได้รับการสนับสนุนของสปอนเซอร์ พร้อมปุ่ม Subscribe เพื่อให้ผู้ใช้ทั่วไปที่เห็นโฆษณาสามารถติดตามครีเอเตอร์ได้โดยตรง

ซึ่งคอนเทนด์ที่ครีเอเตอร์ทำร่วมกับแบรนด์จะได้รับการโปรโมตผ่านทาง ‘Creator Partnership Hub’ ของ YouTube ทำให้มีโอกาสถูกเสนอให้แบรนด์ใหม่ ๆ เลือกไปร่วมทำแคมเปญเพิ่มเติม และฝั่งแบรนด์เองก็จะได้เข้าถึงข้อมูล Engagement ของคลิปที่ถูกแท็กเพื่อช่วยในการประเมินผล หรือติดตามการทำงานได้อย่างโปร่งใสมากยิ่งขึ้น
โดยฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานได้ทั่วโลกผ่านแอปพลิเคชัน YouTube และ YouTube Studio สำหรับครีเอเตอร์ที่อยู่ใน ‘YouTube Partner Program’ สามารถเข้าไปใช้ได้ที่เมนู ‘Paid Promotion and Brand Section’ ในหน้ารายละเอียดของวิดีโอได้เลย