ในโลกของคอนเทนต์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ‘เอเจนซี’ ไม่ได้เป็นเพียงตัวกลางที่จับคู่ครีเอเตอร์กับแบรนด์ แต่ยังมีบทบาทในการผลักดันให้วงการครีเอเตอร์เดินหน้าอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นด้านกลยุทธ์, การวางแผน หรือแม้แต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์กับทุกฝ่าย
และหนึ่งในผู้ที่อยู่แถวหน้าของการทำงานในบทบาทของเอเจนซีอย่าง คุณอุ้ย-พันธ์ศักดิ์ ลิ้มวัฒนายิ่งยง, Founder Finetunes Music Co., Ltd. ด้วยประสบการณ์ในวงการครีเอเตอร์ และความเข้าใจในอุตสาหกรรม บทสัมภาษณ์นี้จะพาเราไปสำรวจมุมมองของเอเจนซีในทุกแง่มุม ว่าอะไรคือปัจจัยที่ทำให้ครีเอเตอร์ ‘รอด’ หรือ ‘ร่วง’ ท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นทุกวัน
เข้าใจโครงสร้างวงการครีเอเตอร์ในสายตาเอเจนซี
เมื่อถามถึงภาพรวมของการเติบโตในวงการครีเอเตอร์คำตอบแรกที่ได้จากคุณอุ้ยคือ “คำถามนี้ตอบยากมาก” เพราะถึงแม้ว่าเราจะเห็นจำนวนครีเอเตอร์ที่เพิ่มขึ้นในทุกแพลตฟอร์ม แต่การจัดหมวดหมู่ในมุมของเอเจนซียังไม่มีมาตฐานกลางที่จะสรุปให้ชัดเจนว่าแต่ละประเภทเติบโตมากน้อยแค่ไหน
แต่สิ่งที่พอสังเกตได้คือครีเอเตอร์ระดับ Nano และ Micro มีการเติบโตมากที่สุด เพราะครีเอเตอร์ส่วนนี้จะไม่ได้มองว่าตัวเองอยู่หมวดหมู่ไหน เนื่องจากทุกคนกำลังค้นหาตัวเองอยู่ รวมถึงไม่ได้มีหมวดหมู่คอนเทนต์ที่ทำอย่างชัดเจน ซึ่งในส่วนของเอเจนซีก็เชื่อว่าใน 2 ระดับนี้จะสามารถพัฒนาตนเองจนสามารถขึ้นสู่ระดับต่อไปได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้คุณอุ้ยยังกล่าวถึงประเภทคอนเทนต์ที่เห็นบนหน้าฟีดอย่างชัดเจนในช่วงนี้ อย่างการรีแคปข่าว, หนัง หรือคอนเทนต์ตามกระแสที่ทำได้ง่าย และสามารถต่อยอดจากสิ่งที่มีอยู่โดยไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ ขณะเดียวกันครีเอเตอร์สาย Edutainment โดยเฉพาะกลุ่มเนื้อหาความรู้, ผู้สูงอายุ รวมถึงภาคการศึกษามีการใช้ AI เข้ามาช่วยสร้างสรรค์คอนเทนต์อย่างแพร่หลายมากขึ้น
ส่องเทรนด์ครีเอเตอร์ในปี 2025 เติบโตอย่างไรให้ยั่งยืน
ในปี 2025 การแข่งขันในวงการคอนเทนต์จะเข้มข้นยิ่งขึ้น ด้วยจำนวนครีเอเตอร์ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน และแพลตฟอร์มที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากความเห็นของคุณอุ้ยมองว่าเราจะต้องเลือกทางของตัวเองให้ชัด ไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างแต่ต้องเชี่ยวชาญในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพื่อสร้างตัวตนให้แตกต่าง และเป็นที่น่าจดจำ
นอกจากนี้คุณอุ้ยยังแนะนำครีเอเตอร์ที่ต้องการวางตัวในตลาดอย่างมีจุดยืน ควรเริ่มจากการทำคอนเทนต์กลุ่ม Niche ที่มีตลาดรองรับก่อน โดยตั้งเป้าขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งในหมวดหมู่นั้น ๆ แล้วค่อยขยายสู่กลุ่มที่กว้างขึ้นในลำดับถัดไป และควรมีเอเจนซีเป็นผู้ช่วยในการสร้างรายได้ ไม่เพียงแค่การต่อรองราคา แต่ช่วยให้คอนเทนต์ออกมามีคุณภาพ และประสานงานกับแบรนด์อย่างราบรื่น
อุปสรรคที่คนทำคอนเทนต์มองข้าม
คุณอุ้ยมองว่าหนึ่งในข้อจำกัดหลักที่ครีเอเตอร์ไทยต้องเผชิญคือ ภาษา และวัฒนธรรม เพราะคอนเทนต์ส่วนใหญ่ยังมีเฉพาะภาษาไทยที่ผู้ชมชาวต่างชาติไม่สามารถเข้าถึงได้ นอกจากนี้หลายคนยังอยู่ใน Comfort Zone เลือกทำสิ่งที่เคยได้ผลมาแล้วมากกว่าการทดลองแนวทางใหม่ ๆ ในขณะที่ผู้ชมต่างชาติอาจกำลังรอสิ่งที่แตกต่างจากครีเอเตอร์ไทย
เพราะการเติบโตอย่างมีคุณภาพไม่เพียงแค่อาศัยพรสวรรค์ หรือความขยันเท่านั้น แต่ต้องมาคู่กับความเข้าใจกลยุทธ์ ซึ่งครีเอเตอร์หลายคนยังไม่มีการวางแผนตั้งแต่เริ่มทำคอนเทนต์ว่า ทำไปเพื่ออะไร? จะสร้างจุดขายจากสิ่งใด? และจะใช้แพลตฟอร์มใดเป็นช่องทางหลัก หากไม่สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้ก็ยากที่จะก้าวไปข้างหน้าบนเส้นทางคอนเทนต์อย่างยั่งยืน
การทำงานร่วมกันระหว่างครีเอเตอร์ แบรนด์ และเอเจนซี
คุณอุ้ยเผยว่า การทำงานร่วมกันระหว่างแบรนด์ ครีเอเตอร์ และเอเจนซีมักเต็มไปด้วยความคาดหวังที่ต้องจัดการอย่างระมัดระวัง หนึ่งในความท้าทายสำคัญคือการสื่อสารที่ไม่ชัดเจนตั้งแต่ต้น เช่น ขอให้รูปดูน่ากินแต่ไม่ได้อธิบายอย่างละเอียดว่านิยามของคำนี้คืออะไร เพราะความรู้สึกหรือมุมมองเรื่องความน่ากินของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
นอกจากนี้ยังมีบางกรณีที่แบรนด์ขอให้มีการแก้ไข หรือเพิ่มรายละเอียดเพิ่มเติมหลังจากถ่ายทำไปแล้ว และไม่ต้องการจ่ายงบเพิ่ม ซึ่งสร้างความไม่ชัดเจนในการทำงานร่วมกันของทุกฝ่าย อย่างไรก็ตามหากครีเอเตอร์มีเอเจนซี ก็จะเหมือนการมีตัวกลางเพื่อสื่อสารกับแบรนด์ให้ทุกอย่างเดินหน้าต่ออย่างราบรื่น ในขณะเดียวกันหากเกิดปัญหาในฝั่งของครีเอเตอร์ เช่น ส่งงานไม่ตามกำหนด เอเจนซีก็จะเป็นผู้เข้ามารับผิดชอบและแก้ไขปัญหาแทน
‘MCN’ ผู้ช่วยคู่คิดครีเอเตอร์หน้าใหม่
หลายคนอาจมองว่า MCN หรือ Multi-Channel Network เป็นองค์กรที่มีอำนาจควบคุมคอนเทนต์ของครีเอเตอร์ โดยคุณอุ้ยมองว่า ในความเป็นจริง MCN คือ ตัวช่วยที่เหมาะกับครีอเตอร์ที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น หรือยังขาดความรู้ด้านเทคนิค การเล่าเรื่อง และการวางโครงสร้างช่องให้มีจุดแข็งอย่างชัดเจน
นอกจากบทบาทด้านการให้คำปรึกษาและวางแผนกลยุทธ์แล้ว MCN ยังทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเจรจากับแบรนด์ และคอยสนับสนุนเมื่อเกิดวิกฤต เช่น หากช่องถูกแฮ็ก ครีเอเตอร์ที่ไม่มีสังกัดอาจติดต่อแพลตฟอร์มได้ยากหรือใช้เวลานาน แต่ถ้ามีสังกัดสองสามวันก็สามารถกู้คืนได้แล้ว
แต่แม้จะมีข้อดีหลายด้าน MCN ก็อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกคนเพราะสุดท้ายแล้วความสัมพันธ์ระหว่างครีเอเตอร์และ MCN ก็คือความร่วมมือทางธุรกิจ ถ้าไม่สามารถสร้างผลงานได้ดีพอ หรือไม่ตอบโจทย์ในระยะยาว ความร่วมมือนั้นก็อาจไม่สามารถยืนระยะได้
แล้ว MCN กำลังมองหาอะไร?
สิ่งที่ MCN ต้องการไม่ใช่แค่ครีเอเตอร์ที่สามารถพูดตามบรีฟได้เป๊ะเท่านั้น แต่คือครีเอเตอร์ที่เข้าใจผู้ชมของตัวเอง เพราะฉะนั้นการทำงานร่วมกันที่ดีไม่ใช่แค่การรับคำสั่งอย่างเดียว แต่คือการแลกเปลี่ยน และเสนอแนวทาง เพื่อให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้ติดตาม ซึ่งวิธีคิดแบบนี้ไม่เพียงช่วยให้คอนเทนต์มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังทำให้เกิดความร่วมมือระหว่าง MCN กับครีเอเตอร์อย่างยั่งยืน
เพราะส่วนใหญ่แล้ว MCN จะมองหาครีเอเตอร์ที่สามารถสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวได้ หากทั้งสองฝ่ายทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง และเข้าใจกระบวนการทำงานของกันและกันจนค่อย ๆ รู้ใจกัน ก็จะสามารถช่วยลดเวลาในการอธิบายรายละเอียดใหม่ทุกครั้ง และทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เลือกแพลตฟอร์มให้ตรงเป้าหมาย และคิดคอนเทนต์ให้ตรงจุด
เมื่อถามถึงมุมมองของคอนเทนต์ และแพลตฟอร์มในสายตาของเอเจนซี คุณอุ้ยมองว่าวิดีโอสั้นเป็นประเภทที่สร้างประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะ TikTok ที่สามารถตอบโจทย์ด้านอัลกอรึทึมในการส่งเสริมคอนเทนตของครีเอเตอร์หน้าใหม่ และเครื่องมือที่ครบจบตั้งแต่การถ่าย ตัดต่อ ไปจนถึงอัปโหลด ทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงได้มากกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ
อย่างไรก็ตามข้อเสียของ TikTok คือไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์เชิงลึกกับผู้ติดตามได้เท่ากับ YouTube ซึ่งยังคงเป็นแพลตฟอร์มหลักในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ติดตาม เนื่องจากมีฟีเจอร์ที่รองรับการสร้างคอมมูนิตี้ เช่น การ Subscription ที่จะช่วยส่งเสริมครีเอเตอร์ในระยะยาว
Affiliate ไม่ใช่แค่ทางเลือกต้นทุนต่ำ แต่เป็นช่องทางสร้างรายได้ที่ยั่งยืน
ถ้าพูดถึงการสร้างรายได้ของครีเอเตอร์ในปัจจุบันยังคงเป็นการพึ่งพา Sponsorship และ Direct Platform เป็นหลัก แต่คุณอุ้ยมองว่าช่องทางที่กำลังมาแรงอย่างต่อเนื่องคือ Affiliate Marketing ที่เปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์สามารถเริ่มสร้างรายได้แบบต่อเนื่องได้เลยโดยไม่ต้องรอการสนับสนุนจากแบรนด์
แต่ก็ยังมีการเข้าใจผิดจากสองฝั่งทั้งทัศนคติของครีเอเตอร์ที่รู้สึกว่า Affiliate ให้รายได้น้อย ในขณะที่แบรนด์จำนวนไม่น้อยยังมองว่าเป็นทางเลือกต้นทุนต่ำ ทั้งที่ในความจริงแล้วหากใช้อย่างถูกวิธี Affiliate คือช่องทางที่สร้าง Conversion ให้เกิด Value จากทั้งสองฝ่ายอย่างแท้จริง
AI ช่วยลดเวลา แต่ไม่ได้ลดความรับผิดชอบของวงการคอนเทนต์
AI กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่สามารถลดเวลาการทำคอนเทนต์ โดยเฉพาะสาย Edutainment เพราะจากเดิมที่ครีเอเตอร์จะต้องนั่งค้นคว้าข้อมูลทั้งวัน แต่ปัจจุบัน AI สามารถช่วยสรุป และย่อยเนื้อหาให้เสร็จภายในเวลาสั้น ๆ นอกจากนี้ AI ยังสามารถช่วยสร้างองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น ภาพ, เสียง หรือแม้แต่สคริปต์ได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องระวังคือประเด็นเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ เพราะเมื่อครีเอเตอร์จะต้องทำงานในเชิงพาณิชย์ หรือร่วมโปรเจกต์กับแบรนด์ สิ่งนี้อาจทำให้เกิดปัญหาทางกฎหมายตามมาได้ เพราะ AI อาจดึงเนื้อหาที่มีเจ้าของมาโดยที่เราไม่รู้ตัว ทำให้ก่อนใช้งานจะต้องศึกษานโยบาย และตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลอย่างรอบคอบเสมอ
ทั้งหมดนี้คือภาพสะท้อนจากมุมมองของเอเจนซีที่อยู่เบื้องหลังการเติบโตของวงการครีเอเตอร์ไทย เพราะการจะอยู่รอดในยุคที่การแข่งขันสูง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์ หรือจำนวนผู้ติดตามเท่านั้น แต่ต้องอาศัยการวางกลยุทธ์ที่ชัดเจน และเลือกเส้นทางที่เหมาะสมกับจุดแข็งของตัวเอง
สำหรับใครที่อยากศึกษาอินไซต์ทั้งจากฝั่งเอเจนซี, แบรนด์, แพลตฟอร์ม และครีเอเตอร์เพิ่มเติมสามารถดาวน์โหลด iCreator Report 2025 ได้ที่ลิงก์ https://www.rainmaker.in.th/icreatorreport/