รายงานของ Buffer ได้เปิดเผยข้อมูลจากการสำรวจและวิเคราะห์วิดีโอบน TikTok กว่า 1.1 ล้านคลิปว่าวิดีโอที่มีความยาวจะมียอดวิวและ Watch Time ที่สูงกว่าวิดีโอสั้น เนื่องจากอัลกอริทึมของ TikTok ให้ความสำคัญกับวิดีโอที่ดึงให้คนใช้เวลาบนแพลตฟอร์มมากกว่า แม้เดิมทีวิดีโอสั้นจะเป็นฟอร์แมตหลักบนแพลตฟอร์มก็ตาม
เมื่อคิดสัดส่วนของวิดีโอบน TikTok ตามความยาว สามารถแบ่งกลุ่มออกได้ดังนี้
- 33.7% เป็นวิดีโอที่มีความยาว 10-30 วินาที
- 27.3% เป็นวิดีโอที่มีความยาว 30-60 วินาที
- 22.2% เป็นวิดีโอที่มีความยาว 5-10 วินาที
- 12.3% เป็นวิดีโอที่มีความยาว 60 วินาที-10 นาที
- 2.8% เป็นวิดีโอที่มีความยาวน้อยกว่า 5 วินาที
ซึ่งจากการวิเคราะห์ พบไฮไลต์สำคัญของวิดีโอบน TikTok ที่น่าสนใจมากมาย อาทิเช่น
- วิดีโอที่มีความยาวเกิน 1 นาที ได้ยอดวิวและ Watch Time สูงกว่าวิดีโอสั้น
- 86% ของวิดีโอบน TikTok มีความยาวไม่เกิน 1 นาที
- วิดีโอที่มีความยาวเกิน 60 วินาที ได้รับยอด Reach มากขึ้นถึง 43.2% และ Watch Time มากขึ้น 63.8%
- คุณภาพของคอนเทนต์และการดึงดูดความสนใจในช่วงแรก สำคัญกว่าความยาวของวิดีโอ
นอกจากนี้ยังมีมีตัวเลขมายืนยันคำพูดที่ว่า “วิดีโอยิ่งยาว ยิ่งได้ยอด Reach และ Watch Time มากขึ้น” จากรายงานระบุว่าวิดีโอที่มีความยาวเกิน 60 วินาทีจะมียอด Reach มากกว่าวิดีโอที่มีความยาว 30-60 วินาทีมากถึง 43.2% และมี Watch Time มากกว่าราว 63.8% รวมถึงมียอด Reach และ Watch Time มากกว่าวิดีโอที่มีความยาว 10-30 วินาทีกว่า 70.3% และ 175.6% ตามลำดับ และเมื่อเทียบกับวิดีโอที่มีความยาว 5-10 วินาทีก็มียอด Reach มากกว่าถึง 95.7% และ Watch Time มากกว่าถึง 264.5% เลยทีเดียว
สาเหตุที่ TikTok มุ่งโฟกัสที่วิดีโอยาว อาจเป็นเพราะต้องการผลักดันวิดีโอที่ทำให้คนใช้เวลาอยู่บนแพพลตฟอร์มมากขึ้น อีกทั้งวิดีโอยาวมีคู่แข่งน้อยกว่า จึงทำให้มีโอกาสเติบโตมากขึ้นก็เป็นได้
สรุปคือ วิดีโอที่สั้นมากเกินไปอาจมียอด Engagement ที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับวิดีโอยาว จากรายงานพบว่าวิดีโอที่มีความยาว 5-10 นาที มักมี Watc Time เฉลี่ยแค่ 3.1 วินาที และยอด Reach เฉลี่ยเพียง 194 เท่านั้น อีกทั้งวิดีโอที่สั้นเกินไปยังมีแนวโน้มที่คนจะเลื่อนผ่านก่อนดูจบด้วย
ส่วนวิดีโอที่มีความยาวระหว่าง 30-60 วินาทีถือเป็นจุดบาลานซ์ระหว่างยอด Reach และ Engagement โดยวิดีโอที่มีความยาวประมาณนี้จะมี Watch Time เฉลี่ย 6.9 วินาที และ Reach เฉลี่ย 302 รวมถึงเป็นความยาวที่เพียงพอในการเล่าเรื่อง โดยไม่ต้องใช้การตัดต่อที่ซับซ้อนเกินไป
สำหรับวิดีโอที่มีความยาวกว่า 1 นาที จะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยมี Watch Time เฉลี่ย 11.3 วินาที และ Reach เฉลี่ย 432.5 อีกทั้งยังเป็นความยาวที่เหมาะสำหรับครีเอเตอร์ในการรักษาความสนใจของผู้ชมให้ดูวิดีโอจนจบได้
นอกจากเรื่องของเวลาแล้ว ความสำคัญของคุณภาพวิดีโอก็เป็นสิ่งที่ครีเอเตอร์ควรใส่ใจ รวมถึงการนำคำแนะนำอื่น ๆ ที่ช่วยทำให้วิดีโอน่าสนใจมากขึ้นไปปรับใช้ ไม่ว่าจะเป็น
- การฮุกคนดูให้อยู่ใน 2 วินาทีแรกด้วยภาพหรือประโยคพูดเปิดคลิป
- เพิ่มแคปชันบรรยาย เพื่อให้เข้าใจง่ายและช่วยเพิ่ม SEO
- ใช้การตัดต่อที่เร็วและมีไดนามิก เพื่อช่วนให้คนโฟกัสกับวิดีโอ
- ใส่ Call to Action เช่น ชวนให้คนดูคอมเมนต์ ไลก์ แชร์ หรือกดติดตาม
- โพสต์ให้สม่ำเสมอ เพื่อสร้างฐานผู้ติดตาม และเพิ่มโอกาสให้วิดีโอไวรัลได้ง่ายขึ้น
หากลองนำคำแนะนำเหล่านี้ไปปรับใช้กับ TikTok ของคุณ อาจช่วยให้วิดีโอสามารถทำยอด Reach และ Watch Time เพิ่มขึ้นหลายเท่าก็ได้!
สำหรับใครที่ต้องการอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงานฉบับนี้ของ Buffer สามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลได้ที่: https://buffer.com/resources/longer-tiktoks-get-more-views-data/
ที่มา: Buffer