ในตอนนี้นับว่าหลายแพลตฟอร์มเริ่มที่จะขยายทั้งฟีเจอร์ และเครื่องมือ AI ของตัวเองออกมาใหม่มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งทั้งฝั่งแพลตฟอร์มอย่าง Meta, TikTok, Google และ X ต่างก็มี AI เข้ามาเป็นผู้ช่วยหลายด้าน โดยเฉพาะด้านการลงโปรโมตโปรดักต์สำหรับแบรนด์ในการลงโฆษณา
Meta
Meta ได้เพิ่มเครื่องมือ และฟีเจอร์ AI ที่เป็นตัวเลือกในการครีเอทีฟมากขึ้นสำหรับเหล่าแบรนด์ และครีเอเตอร์ที่ต้องการลงโฆษณา ที่มีตั้งแต่
- Image expansion: ฟีเจอร์ขยายเพื่อต่อเติมรูปภาพให้สมบูรณ์
- Text-to-image: ฟีเจอร์เจนภาพที่ต้องการด้วยการป้อนพรอมพ์อธิบายผ่านข้อความ
- Back Ground Generation: ฟีเจอร์เจนภาพพื้นหลังหลายสไตล์สำหรับโปรดักต์
- Text-to-Video: ฟีเจอร์เจนวิดีโอที่ต้องการด้วยการป้อนพรอมพ์อธิบายผ่านข้อความ
- Copy Suggestion: ฟีเจอร์การคิด และพิมพ์แคปชันด้วยการแนะนำของ AI
และในตอนนี้ซีอีโอของ Meta อย่าง Mark Zuckerberg เองก็อธิบายมาเร็ว ๆ นี้ด้วย ว่าเขาต้องการให้ระบบการสร้างโฆษณาก่อนลงโพสต์ทั้งหมด กลายเป็นระบบที่ทำได้อัตโนมัติมากขึ้น และลดการแมนนวล แต่เป็นการป้อนคำสั่งผ่านฟีเจอร์ หรือเครื่องมือ AI แทน
ซึ่งยังเป็นการช่วยให้การลงโฆษณา และโปรโมตโปรดักต์อยู่แค่ภายใน Meta เท่านั้น พร้อมเช็กประสิทธิภาพได้ในพารามิเตอร์ที่มี และงบประมาณที่จำกัดเองได้ โดยเฉพาะการผสานการทำงานกับเครื่องมืออย่าง ‘Advantage+’ ที่จะช่วยคำนวณประสิทธิภาพ และค่าเฉลี่ยแบรนด์ต่าง ๆ ได้อยู่แล้ว
TikTok
TikTok ในตอนนี้ก็มีเครื่องมือในการช่วยลงโฆษณามากมายให้เลือกใช้งานเหมือนกัน ตั้งแต่
- Symphony Assistant: ผู้ช่วย AI แบบแชตบอทที่ถามตอบเรื่องการอัปเดตเทรนด์ ไปจนถึงการช่วยคิดสคริปต์ และ Brainstorm คอนเทนต์บน TikTok ได้
- Symphony Creative Studio: ตัวช่วยในการตัดต่อคลิป เช่น การรีมิกซ์คลิป, การสร้าง AI Avater ในวิดีโอ, การตัดต่อวิดีโอ และการทำซับไตเติ้ลหลายภาษาในวิดีโอได้
- Symphony Ad Manager: ผู้ช่วยเจน Asset จากข้อมูลที่มีของแบรนด์บน TikTok และใช้ได้ในคลิกเดียว พร้อมแก้ไขคอนเทนต์ หรือโฆษณาที่ลงโปรโมตได้ในไม่กี่นาทีเท่านั้น
เรียกได้ว่า TikTok เองก็มี Symphony Suite หรือเครื่องมือชุดเดียวที่ทำได้ครอบจักรวาบในการโปรโมตโฆษณาไม่ต่างจาก Meta เช่นกัน ซึ่งแต่ละสิ่งที่สร้างก็จะมีการอ้างอิงมาจากข้อมูลของแบรนด์ หรือเทรนด์ของ TikTok ด้วย เลยทำให้สามารถสะท้อน และตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นบนแพลตฟอร์ม
X
ด้าน X ที่จะตั้งตัวเองให้เป็นเสมือนกับ ‘Everything App’ ปัจจุบันก็มีการพัฒนาเครื่องมือ AI เรื่อย ๆ โดยเฉพาะ ‘Grok’ ที่สามารถเจนภาพ หรือรูปแบบการโปรโมตโฆษณาด้วยพรอมพ์ได้แบบละเอียด รวมถึงใส่อินพุตข้อมูลได้หลากหลาย เช่น การร่าง หรือวาดด้วยมือ อีกทั้ง Grok ยังสามารถสร้างลิงก์ URL แยกตามแต่ละโปรดักต์ให้ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ X ยังมีคำแนะนำเกี่ยวกับการพัฒนา เพื่อให้ผู้ใช้สามารถปรับปรุงแคมเปญ และกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการลงโฆษณาให้ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับกรอบของ xAI ที่จะแนะแนวทางในการปรับปรุง และอัปเกรดความเกี่ยวข้องของโฆษณาอยู่เสมอ
สำหรับ Google ในตอนนี้ก็มีเครื่องมือ AI ที่ได้รับการอัปเดตมาจากงาน Google I/O ที่ผ่านมา โดยจะโฟกัสไปที่ ‘Performance Max’ ระบบอัตโนมัติของ Google ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาแบบเรียลไทม์ โดยใช้ Smart Bidding เพิ่มประสิทธิภาพงบประมาณ และกลุ่มเป้าหมายทำให้แคมปเปญได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจอินไซต์ในการสร้างโปรโมชัน หรือคิดราคา และแสดงข้อมูลแบบครบวงจรในการโปรโมตแคมเปญบน Google เพื่อให้สามารถเจาะจงไปยังช่องทางที่จะมีการตอบสนองมากที่สุด
รวมถึงการประเมิน พร้อมรายงานวินิจฉัยปัญหาของแคมเปญที่อาจเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า อีกทั้งมีการรายงานปัญหาของแคมเปญแบบเรียลไทม์ เพราะ Performance Max จะช่วยดูแลแคมเปญให้ตลอดการโปรโมต
นอกจากนี้ยังเพิ่ม “Search terms reporting” เพื่อดูภาพรวมสิ่งที่ส่งผลต่อแคมเปญได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น Negative Keywords หรือการหาคีย์เวิร์ดใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญก็ทำได้ โดยรวมแล้วเป็นการทำงานกับ AI ที่จะช่วยจับตาดูทั้งแคมเปญให้นั่นเอง
โดนสรุปแล้วจากเครื่องมือ และฟีเจอร์ใหม่ ๆ ของแพลตฟอร์มก็มีตัวเลือกเพิ่มขึ้นแล้วสำหรับผู้ใช้ยุคนี้ แต่อยู่ที่ว่าจะเลือกปรับ และประยุกต์ใช้จากแพลตฟอร์มไหนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดตลอดการโปรโมตแคมเปญ หรือการลงโฆษณา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่ากลุ่มเป้าหมายของเราเป็นใคร อยู่ที่แพลตฟอร์มไหน และโปรดักต์ของเราตอบโจทย์ตรงนั้นหรือไม่ด้วย