GoogleNewsSEOWebsite

Avatar

Nokkaew October 15, 2018

การทำ SEO จำเป็นแค่ไหนในยุคสงคราม Social Media และ Rich Visual Content

ในยุคที่กระแส Social Media กำลังร้อนแรง ทำให้หลายคนมุ่งมั่นที่จะแย่งชิงพื้นที่กันบน Timeline แล้วการทำ SEO ในปัจจุบันล่ะ ยังจำเป็นแค่ไหนในยุคนี้ และมีอะไรที่ต้องทราบบ้าง

บทความนี้คือเนื้อหาภายในงาน Public Relation SHIFT ที่จัดโดยบริษัท Moonshot Digital PR ใน Session ที่มีชื่อหัวข้อว่า “SEO still Important or not anymore?” โดย คุณณัฐกรณ์ รัตนชัยสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีดิกทิฟ จำกัด ซึ่งมีประสบการณ์ทางด้านการทำ SEO มากว่า 19 ปี ทำให้เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่อง Digital Analytics, Search Optimization และ User Experience

 

ทุกวันนี้ทั่วโลกให้ความสนใจกับ SEO แค่ไหน?

ถึงแม้ทุกวันนี้คนอาศัยอยู่บน Social Media แต่ก็ยังปฏิเสธไม่ได้ว่าเรายังใช้การ Search เป็นเครื่องมือหลักในการใช้งานอินเตอร์เน็ต เพราะมันเป็นช่องทางที่คนเข้ามาหาข้อมูลตามที่เค้าต้องการ เช่น อย่างเราจะจองโรงแรม เราก็เข้า Google เราจะซื้อสินค้าอะไรก็เข้า Google ทั้งหมดนี้ก็เพื่อหา information ที่เราต้องการ

โดยทั่วไปเราไม่ตัดสินใจด้วยข้อมูลเพียงช่องทางเดียว หรือจากแบรนด์อย่างเดียว ด้วยความที่เรานั้นเชื่อความ organic อยู่ค่อนข้างเยอะ เพราะส่วนใหญ่มองว่า organic มันไม่ใช่โฆษณา ข้อมูลที่เสิร์ฟมาให้ตอนเรา Search นั้น มันผ่านการคัดกรองจากอัลกอริธึมระดับโลกมาแล้ว

เว็บไซต์ระดับ Top 100 ของโลกก็ยังลงทุนในส่วนของ SEO ที่เยอะมาก อย่าง Amazon หรือ Online Merchant ใหญ่ๆ เค้าเล่น keyword ในสเกลหลักล้านถึงสิบล้าน keyword

ถ้าดูในส่วนที่เป็นของต่างประเทศ อย่างใน US การ investment ในส่วนของ SEO เนี่ย ก็ยังเป็นอะไรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างในปี 2018 เม็ดเงินในส่วนนี้อยู่ที่ 7,200 ล้านเหรียญเลยทีเดียว

 

SEO ยังจำเป็นอย่างมากสำหรับธุรกิจที่ต้องพึ่ง Content เป็นหลัก

ยกตัวอย่างเว็บไซต์ที่ใกล้ตัวอย่าง Lazada ที่มีทราฟฟิกเกือบ 8 ล้านต่อเดือน จำนวน keyword ที่เค้าเล่นอยู่เนี่ยมีประมาณ 500,000 กว่าคำ สัดส่วนการเข้าเว็บไซต์ของ Lazada สูงสุดคือ Direct (พิมพ์ URL โดยตรง หรือการเข้าผ่าน Bookmark) 46% รองลงมาคือ Organic Search 33% ที่เหลือมาจาก Social Media  5% และ Paid Search ประมาณ 9%

ซึ่งเราจะเห็นว่า ยิ่งเป็นเว็บไซต์ที่ต้องการ information เยอะๆ เว็บไซต์ที่ต้องการคอนเทนต์เยอะๆ หรือว่าจำนวนสินค้าเยอะๆ SEO ก็ยังเป็นช่องทางหลัก

อีกหนึ่งตัวอย่าง pantip.com ตอนนี้ organic traffic ที่ estimate ออกมาอยู่ที่ประมาณ 53 ล้าน session ต่อเดือน ซึ่งมี keyword อยู่ประมาณ 38 ล้าน keyword นั่นหมายความว่าคนเข้ามา search หาข้อมูลตลอด เป็นสัดส่วนประมาณ 80% ของ traffic

ยิ่งธุรกิจที่เราเป็นคอนเทนต์ ที่จำนวนคอนเทนต์เยอะๆ Organic Search ก็ยังเป็นส่วนที่สำคัญและยั่งยืน เทียบกับการซื้อ Media ถ้าเราไม่ spend ต่อ มันก็หายไป แต่ในส่วนของ SEO คือการที่เรามองในเรื่องของ Long-Term การลงทุนวันนี้มันสามารถต่อยอดไปเรื่อยๆ ได้ในอนาคต

 

การทำ SEO ต้องรู้จักพฤติกรรมของผู้ใช้ด้วย

การทำ SEO มันเป็นเรื่องของการเข้าใจพฤติกรรมของคนที่เข้ามาใช้งาน Search Engine ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะการทำ SEO จะมีความแตกต่างจากสื่ออื่น เช่น การที่เราเห็นแบนเนอร์บนถนน แต่การ SEO มันคือการเข้าใจพฤติกรรมของคนที่เข้ามาหาข้อมูล อันนี้คือปัจจัยสำคัญเลย

เราต้องรู้ว่าแต่ละคนมีความต้องการอะไรบ้าง แล้วผลิตคอนเทนต์ที่มีคุณภาพมากเพียงพอ เพื่อให้เวลาคน Search เข้ามา เราไม่ได้สนใจเพียงแค่เค้าจะ Search เจออย่างเดียวเท่านั้น แต่เราสนใจว่าเค้า Search แล้วหาข้อมูลต่อได้ เราเริ่มให้ประโยชน์กับเค้า แล้วเราจะได้ประโยชน์จากเค้า

ตัวเลขที่ Google ได้ทำการ Research มา จะเห็นเลยว่าในแต่ละครั้งที่คน Search เค้าจะเจอแบรนด์ใหม่ๆ เจอประสบการณ์ใหม่ๆ เพราะรูปแบบการ Search ในแต่ละครั้งมักจะไม่เหมือนกัน รวมไปถึงผลลัพธ์ที่เค้าเจอก็มักจะมีการเปลี่ยนแปลง

 

สิ่งที่แสดงในหน้าแรกของ Google ไม่ได้มีแค่ title และ description แบบเมื่อก่อน แต่ปัจจุบันมีเรื่องของ Rating มีข้อมูลเยอะมากขึ้น มี visual ต่างๆ มากขึ้น ซึ่งการที่มี visual มากขึ้นมันสามารถเรียกร้องความสนใจจากผู้ค้นหาได้ด้วย

 

เคยมีการทำ Research โดยใช้ Eyes Tracking ครับ ดูว่า user ส่วนใหญ่เข้ามาหาข้อมูลแล้วดูตรงไหนบ้าง เราจะเห็นว่าหลายครั้งการติดอันดับแรกก็ไม่ได้เป็น position ที่ผู้ใช้สนใจเป็นอันดับแรก ตำแหน่งที่ 2-4 บางครั้งมี activity rating มากว่าด้วยซ้ำ

เมื่อก่อนเราอาจจะบอกว่าการทำ SEO จะต้องติดอันดับหนึ่งในหน้าแรกของ Google แต่เดี๋ยวนี้เราไม่ได้มองแค่นั้นแล้ว เว็บเราอาจจะอยู่อันดับ 3 แล้วมีคนคลิกมากกว่าก็เป็นได้ ถ้าเรา Optimize Result ให้ดีกว่าอันดับหนึ่ง หรือเขียนคอนเทนต์น่าสนใจมากกว่า

 

หลังจากการมี Google มาถึง 20 ปี เรายังทำแบบเดิมได้อยู่ไหม?

ปีนี้ก็ครบรอบ 20 ปีของ Google Search พอดี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราจะเห็นว่ามันก็มีการเปลี่ยนตลอดเวลาที่ทำให้คนทำคอนเทนต์อย่างเราๆ ต้องอัปเดตกันหัวปั่น นับตั้งแต่ Google Adword ที่เป็นแหล่งโกยทรัพย์ของคนทำคอนเทนต์ สำหรับผู้ใช้ก็มี Images Search, News Search, Book Search,  Voice Search และอีกมากมาย

เพราะฉะนั้นการทำ Optimize SEO ต้องมองว่ามันไม่ใช่แค่การ Optimize เว็บไซต์ด้วย text อย่างเดียว แต่มันคือการ Optimize Digital Assets ที่เรามีอยู่ หรือถ้ายังมีไม่ครบก็ควรจะมีให้มากที่สุด เพราะเป็นช่องทางที่ผู้ใช้จะสามารถมาเจอเราได้ไม่ว่าจะเป็น Asset ไหนก็ตาม

 

รวมไปถึงการเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว ยกตัวอย่างเช่น ปัจจุบันเรากำลังจะเข้าสู่ยุค Age of Assistant คนเริ่มอยากให้เครื่องมือเข้ามาช่วยเหลือมากขึ้น ชัดเจนว่า Voice Search กำลังมา ผลที่ตามมาคือทำให้พฤติกรรมคนเปลี่ยน ผู้ใช้จะตั้งคำถามยาวขึ้น เป็น conversation มากขึ้น จากเมื่อก่อนเราอาจจะพิมพ์แค่ 2-3 คำ

ซึ่งแน่นอนว่าจำนวนคำจะมากกว่าตัวที่เป็น search ธรรมดา ตรงนี้ก็ต้องมาดูแล้วว่าเว็บไซต์เราถูกพบจากการ search แบบ conversation ได้มีประสิทธิภาพแค่ไหน รวมไปถึง Asset อื่นๆ อย่างรูปภาพ วิดีโอ หน้าข่าว ไฟล์ต่างๆ เป็นต้น

 

มองโลกในอนาคตของการทำ SEO

หลังจากที่ผ่านมา 20 ปี Google เค้าก็เริ่มกำหนดทิศทางแล้วว่า อีก 20 ปีข้างหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งแน่นอนว่า Google เองยังคงโฟกัสคำว่า “The Best for User” แนวทางนี้จึงบอกเราอยู่เสมอว่าอะไรที่ดีต่อผู้ใช้ก็ทำๆ ไปเหอะ นึกถึงผู้ใช้เป็นอันดับแรก Google ปลื้มเราแน่นอน

google ให้ความสำคัญเรื่องของ user experince มากๆ Google เองมีการทำ test อย่างต่อเนื่อง ปีที่ผ่านมา เค้ามีการทำทดลองครั้งใหญ่ๆ กว่า 200,000 ครั้ง มีการเปลี่ยนแปลงอัลกอริธึมในการแสดงผลลัพธ์ครั้งใหญ่กว่า 2,400 ครั้ง เพราะเค้าต้องการปรับปรุง search result ให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ

ซึ่งนั่นหมายความว่าคอนเทนต์ของเราจะต้องตอบโจทย์ผู้ใช้ให้ได้ อาจจะลองดูว่าตอนนี้ Google หรือโลกของคอนเทนต์สนใจอะไรเป็นพิเศษ อย่างช่วงนี้เรื่อง fake news เป็นเรื่องใหญ่ที่ทั่วโลกให้ความสนใจ ไม่ว่าทาง google เอง หรือ facebook เอง พยายามจะไฟท์ในส่วนนี้อยู่ ว่าจะทำอย่างไรให้คอนเทนต์ที่แสดงผลออกมา user รู้ว่าเป็นคอนเทนต์ที่ถูกต้อง ไม่ใช่ fake news เพราะฉะนั้นเรื่องคุณภาพของ information นั้นสำคัญมาก

อีกอันหนึ่งที่เราเริ่มเห็นกันมาแล้วคือคอนเทนต์เริ่มเป็น Visual มากขึ้น และมากขึ้นไปกว่าเดิมทุกปี ดังนั้นการ optimize ของเราจะไม่ใช่เพียง optimize ผ่านตัว text อย่างเดียว แต่ต้องนึกถึง Asset ทั้งหมดที่สามารถอยู่บน Google ได้ รวมไปถึงประสบการณ์ต่างๆ ของผู้ใช้ด้วย

 

Copyright © 2024 RAiNMaker. All rights reserved.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save