
กลับมาอีกปีแล้วสำหรับอินไซต์ของ ‘Digital 2026 Report’ จาก DATAREPORTAL ที่รวบรวมทั้งการใช้งานอินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย และการตลาดดิจิทัลของประเทศไทย ที่ในปีนี้มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 67.8 ล้านคน โดยรวมเฉลี่ยแล้ว 34 ชั่วโมง 32 นาทีต่อสัปดาห์ และยังมีอินไซต์มากมายที่ครีเอเตอร์ แบรนด์ และเอเจนซีห้ามพลาด เพราะนี่คืออินไซต์ของผู้บริโภคทุกกลุ่มที่นำไปต่อยอดได้
TOP GOOGLE SHOPPING SEARCHES
สำหรับ Volume ในการเสิร์ชเพื่อบน Google ของประเทศไทย ส่วนใหญ่ไม่ได้เสิร์ชเพื่อค้นหาสินค้าหรือทำความรู้จักแบรนด์หรือช่องอื่น ๆ แล้ว แต่เป็นการแปลภาษาโดยใช้ Google Translate แบบเร็ว ๆ มากกว่า รองลงมาก็จะเป็นสินค้าเพื่อชอปปิงและเทคโนโลยี หรือเนื้อเพลงและคอร์ดเพลงในการนำไปเล่นได้อยู่

VIDEO CONTENT WATCHED
เมื่อคอนเทนต์วิดีโอได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ประเภทของคอนเทนต์วิดีโอที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ก็ยังคงเป็นมิวสิกวิดีโอ, มีมหรือไวรัล, การรีวิวโปรดักต์ ตามมาด้วยคลิปไฮไลต์กีฬา และ Vlog ของอินฟลูเอนเซอร์ ไปจนถึงคลิปไลฟ์สตรีมและคลิปเกมต่าง ๆ

MAIN REASON FOR SOCIAL MEDIA
การใช้งานโซเชียลมีเดียผู้คนในประเทศไทยก็ยังคงใช้เพื่อเป็นช่องทางติดต่อกับเพื่อนและครอบครัว รองลงมาก็เพื่ออ่านและตามข่าว ตามมาด้วยใช้ในเวลาว่าง ไปจนถึงการหาแรงบันดาลใจและหาสิ่งที่อยากทำหรืออยากซื้อต่อไป

PLATFORM USE
สำหรับมุมมองในการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อการยืนยันตัวตน Facebook ก็ยังคงเป็นอันดับหนึ่งในการสร้างโปรไฟล์ที่น่าเชื่อถือได้ของตัวเอง ตามมาด้วย LINE ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน และ TikTok ที่คนไทยบางส่วนก็ใช้เป็นช่องทางในการโชว์ผลงานหรือรับงานอินฟลูเอนเซอร์นั่นเอง เช่นเดียวกับ YouTube ที่เป็นแหล่งรวมผลงานได้ด้วย

FAVORITE SOCIAL MEDIA PLATFORMS
แพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับผู้ใช้ในไทยยังคงมี TikTok เป็นอันดับหนึ่งที่ 30.3% เพราะผู้คนชอบไถคลิปแนวตั้งดูในชีวิตประจำวัน ตามมาด้วยแพลตฟอร์มที่ทุกคนต้องมีอย่าง Facebook ที่ 29.2% และแพลตฟอร์มโชว์ไลฟ์สไตล์ผ่านสตอรีได้แบบ Instagram ส่วนอันดับที่รองลงมาก็คือ LINE, Messenger และ X ที่คนไทยใช้กันบ่อย

SOCIAL MEDIA ACCOUNT TYPES FOLLOWED
แอ็กเคานต์โซเชียลมีเดียที่คนไทยมักจะกดติดตาม อันดับแรกก็คือแอ็กเคานต์ของเพื่อน หรือครอบครับ และคนรู้จักที่ 52.0% ตามมาด้วยบุคคลชื่อเสียงที่ชอบ 36.9% และช่องที่ติดตาม 35.2% กับ 34.7% หรืออินฟลูเอนเซอร์ต่าง ๆ ที่ 32.9% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโซเชียลมีเดียยังคงเป็นพื้นที่ที่ใช้ติดต่อและติดตามคนรู้จักอยู่

LINE
หากคนไทยใช้อินเทอร์เน็ตที่ 67.8 ล้านคน ก็มีการใช้ LINE ในการติดต่อสื่อสารมากถึง 56 ล้านคนที่เกินครึ่ง โดยสัดส่วนที่เทียบกับคนไทยทั้งหมดได้ 78.2% และเทียบกับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอยู่ที่ 82.6% ซึ่งมีผู้ใช้ที่เป็นผู้หญิง 54% และผู้ใช้ผู้ชายที่ 46%

YOUTUBE
สำหรับภาพรวมของ YouTube มียอด Reach ในการเข้าถึงโฆษณามากถึง 47.2 ล้านจากประชาชน 65.9% เมื่อเทียบกับจำนวนคนในประเทศไทยทั้งหมด ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนของผู้ชายที่ 73.3% และผู้หญิงที่ 74.7% สำหรับทุกคนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ยอด Ad Reach ยังเพิ่มขึ้นในเดือนตุลาคมมากถึง +3.3% ที่ 47.2 ล้านด้วย
ด้าน Top YouTube Searches ที่คนไทยนิยมค้นหาอันดับ 1 คือ ‘เพลง’ ตามมาด้วย ‘หนัง’ และ ‘ผี’ เป็นอันดับ 2 และ 3 นอกจากนี้ยังมีหมวดที่เชื่อมโยงถึงความสนใจในหมวดเดียวกัน นั่นก็คือ ‘การ์ตูน’, ‘เดอะ โกส’ และ ‘คาราโอเกะ’ ไปจนถึง ‘หวย’ ด้วย ซึ่งยังคงบ่งบอกถึงความเป็นคนไทยได้เป็นอย่างดี


ด้านการเข้าถึงโฆษณาบน Facebook ก็มีประสิทธิภาพมากถึง 51.5 ล้าน โดยเทียบกับจำนวนเฉลี่ยของคนไทยทั้งหมดที่ 75.9% ซึ่งคิดเป็นผู้ชายที่ 86.2% และผู้หญิงที่ 89.4% แต่ยอด Reach ของการโฆษณาบน Facebook ในเดือนตุลาคมอยู่ที่ -1.2% หรือคิดเป็น 51.1 ล้านนั่นเอง

การเข้าถึงโฆษณาบน Instagram ก็จะมียอด Reach ทั้งหมด 20.6 ล้าน โดยเทียบกับคนไทยทั้งหมดได้ที่ 28.7% ในการเสพโฆษณาบนแพลตฟอร์มนี้ คิดเป็นสัดส่วนผู้ชายที่ 37.5% และผู้หญิงที่ 29.8% ซึ่งในเดือนตุลาคมมียอด Reach เพิ่มขึ้นเป็น +2.0% หรือคิดเป็น 20.6 ล้านเลยทีเดียว

TikTok
ด้านยอด Reach ของ TikTok ในการเข้าถึงโฆษณาจะอยู่ที่ 56.6 ล้าน ซึ่งเทียบกับคนไทยทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 79.1% ซึ่งมีสัดส่วนผู้ชายที่ 102.4% และผู้หญิงที่ 89.8% โดยจะมียอด Reach น้อยลงที่ -4.2% หรือคิดเป็น 56.6 ล้านนั่นเอง

X
การเข้าถึงโฆษณาบน X อยู่ที่ 13.3 ล้านเมื่อเทียบกับจำนวนคนไทยทั้งหมดได้ 18.6% โดยคิดสัดส่วนเป็นผู้ชาย 17.1% และผู้หญิง 25.7% ซึ่งค่าเฉลี่ยของยอด Reach ลดลง -4.4% ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หรือคิดเป็น 13.3 ล้านด้วย

ONLINE BRAND INTERACTIONS
สำหรับการมีส่วนร่วมกับแบรนด์แบบออนไลน์ส่วนใหญ่ของคนไทย อันดับ 1 จะชอบเข้าไปท่องเว็บไซต์ของแบรนด์กว่า 44.6% ตามมาด้วยการกดติดตามแอ็กเคานต์ของแบรนด์ในโซเชียลมีเดีย 36.4% และรับชมวิดีโอจากแบรนด์ 28.9% ตามมาด้วยการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น การอ่านอีเมล หรือกดแชร์ และให้ฟีดแบ็กกับแบรนด์
แต่ที่ดูจะมีการเปลี่ยนแปลงที่สุดในการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ ก็คือการคลิกโพสต์โปรโมตของแบรนด์บนโพสต์โซเชียลมีเดียที่ 12.9% และการคลิกโฆษณาออนไลน์บนเว็บไซต์ของแบรนด์ ซึ่งมียอดการมีส่วนร่วมเพียง 13.9% เท่านั้น จึงทำให้การโปรโมตด้วยโฆษณาแบบเดิม ๆ อาจไม่ได้ผลกับคนไทยในปัจจุบันแล้ว และต้องมีความครีเอทีฟที่น่าสนใจให้อยากคลิกไปดูและใช้เวลาด้วยมากพอเท่านั้น

ATTITUDES AND BEHAVIORS
สำหรับทัศนคติและพฤติกรรมของคนไทยต่อแบรนด์ จะให้ความสนใจกับแบรนด์ที่พูดแทนถึงตัวตน สังคม หรือความรู้สึกที่เป็นไปตามค่านิยมของแต่ละกลุ่มได้ 21.1% รวมถึงมีการรีเสิร์ชแบรนด์ออนไลน์ก่อนที่จะตัดสินใจซื้ออย่างละเอียด 50.5% รวมถึงมีการเข้าไปเยี่ยมชมแอ็กเคานต์ของแบรนด์เพื่อศึกษาตัวตนของแบรนด์ 57.6%
นอกจากนี้ยังมีการเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ของแบรนด์ 44.6%, ทำการดาวน์โหลดแอปของแบรนด์ผ่านแอปสมาร์ตโฟนที่ 18.6%, คลิกไปที่แบนเนอร์ของแบรนด์บนเว็บไซต์หรือโพสต์สปอนเซอร์ของแบรนด์ผ่านโพสต์โซเชียลมีเดียที่ 13.9% และ 12.9% ตามลำดับ

INFLUENCER ADVERTISING
สำหรับ Ad Spend จากอินฟลูเอนเซอร์ไทยปีต่อปีนั้นเริ่มเพิ่มขึ้น +13.3% ซึ่งคิดมูลค่าการประมาณการค่าใช้จ่ายในการโฆษณาผ่านอินฟลูเอนเซอร์ประจำปีอยู่ที่ 779 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 27,000 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าแบรนด์ในไทยให้ความสำคัญกับการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์มากขึ้นเรื่อย ๆ
และการโฆษณาผ่านอินฟลูเอนเซอร์คิดเป็น 3.5% ของงบโฆษณาดิจิทัลทั้งหมดในประเทศไทย แม้จะดูเป็นสัดส่วนที่ไม่มากนัก แต่ถือเป็นส่วนที่กำลังขยายตัว โดยส่วนแบ่งของโฆษณาอินฟลูเอนเซอร์ต่อตลาดโฆษณาดิจิทัลทั้งหมดเพิ่มขึ้น +3.9%
หรือเรียกได้ว่าการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์กำลังกินส่วนแบ่งจากรูปแบบโฆษณาดิจิทัลอื่น ๆ มากขึ้นไปด้วย ทำให้การใช้อินฟลูเอนเซอร์ในโฆษณาสามารถสร้างความน่าเชื่อถือและการมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าเดิม

ONLINE PRIVACY
ในด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่คนไทยยุคนี้กังวล ก็คือคือเรื่องการแยกแยะระหว่างข้อมูลจริงกว่า 65.4% เพราะมีข้อมูลปลอมที่บิดเบือนมาจากการสร้างข้อมูล ภาพ หรือวิดีโอด้วย AI ที่เริ่มเนียนขึ้นทุกวันจนแยกไม่ออกเยอะ สะท้อนถึงปัญหา Fake News และ Misinformation เยอะขึ้นในโลกโซเชียลและอินเทอร์เน็ต
ตามมาด้วยการเลือกที่จะปฏิเสธคุกกี้และการจัดเก็บข้อมูลส่วนตัวบนแพลตฟอร์มหรือเว็บไซต์กว่า 34.1% เพราะคนไทยเริ่มตระหนักถึงการติดตามพฤติกรรมและกิจกรรมในโลกโซเชียลมากขึ้น ก็เลยเริ่มมีการใช้ Ad Blocker 22.4% ในการบล็อกโฆษณาและเพิ่มความปลอดภัยจากไวรัสมัลแวร์ รวมถึงเพิ่มความเร็วในการโหลดหน้าเว็บด้วย

จากข้อมูลการสรุปทั้งหมดของ DATAREPORTAL ก็จะเห็นได้ชัดว่า TikTok นั้นยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่มาแรงในไทย และเข้าถึงได้กับทุกวัย ต่างจาก Instagram ที่แม้จะมียอดเทียบผู้ใช้งานในไทยไม่เยอะเท่า แต่เปอรเซ็นต์ผู้ใช้งานอายุเฉลี่ยนั้นมีแต่คนเจนใหม่จริง ๆ และ Facebook เองก็ยังคงโดดเด่นในเรื่องผู้ใช้งานในไทยรองลงมา และมีผู้ใช้งานอายุสูงกว่า 18 ปีเยอะที่สุดท่ามกลางทุกแพลตฟอร์ม
ส่วนการใช้โซเชียลมีเดียก็มีไว้เพื่อติดต่อกับคนที่รู้จักและติดตามข่าวสาร แต่จะใช้ Google ในการใช้แปลภาษาง่าย ๆ แบบเร็ว ๆ แทนผ่าน Google Translate ด้วยความเคยชิน แต่จะใช้สำหรับการค้นหาสิ่งที่ต้องการน้อยลง เพราะมีโซเชียลมีเดียเป็นแหล่งรวมการตามหาความสนใจสิ่งใหม่ ๆ ก่อนจะตัดสินใจซื้อไปแล้ว
ที่มา: https://datareportal.com/reports/digital-2026-thailand