จากกระแสโฆษณาเค้กของใช้ที่กินได้ของอินฟลูเอนเซอร์ที่กำลังเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลบน TikTok ด้วยการเปลี่ยนสินค้า และของใช้ให้กลายเป็นเค้กกินได้ ส่งผลกระทบต่อส่วนร่วม ที่เยาวชน และผู้ชมที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะอาจเกิดความเข้าใจผิด และเลียนแบบได้ จนสภาผู้บริโภคต้องร้องไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ให้ตรวจสอบ และระงับการโฆษณาในลักษณะนี้
ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าวก็ทำให้เสียงในโลกโซเชียลแตกเป็น 2 ฝ่าย ทั้งฝ่ายที่มองว่าอินฟลูเอนเซอร์ที่ทำคอนเทนต์ เปรียบเสมือนกับสื่อที่มีผลต่อผู้ชม จึงควรระมัดระวังในการสร้างสรรค์สื่อ อีกฝ่ายหนึ่งก็มองว่าผู้บริโภคสื่อก็ควรเป็นฝ่ายแยกแยะความถูกต้องเองในการเสพสื่อเช่นเดียวกัน และพื้นที่สื่ออย่าง TikTok ก็ไม่ควรมีเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปีเข้ามาใช้งาน และรับชมคอนเทนต์ที่ต้องใช้วิจารณญาณ
โดย @iLawclub ก็ได้ออกมาตั้งคำถามถึง “คนทำคอนเทนต์โฆษณาต้องระวัง หรือผู้บริโภคต้องแยกแยะเอง” ไว้อย่างชัดเจน พร้อมกับแสดงความคิดเห็นถึงพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 ที่กำหนดให้การโฆษณาต้องไม่ใช้ข้อความที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรืออาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็นส่วนรวม เช่น ข้อความที่ทำให้เข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ
และ ข้อความที่ใช้โฆษณาทางสื่อต่างๆ ต้องแสดงให้เห็น อ่าน ฟัง ได้ครบถ้วนชัดเจน และไม่ทำให้ผู้บริโภคหลงผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับสินค้า หรือบริการ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจ และผู้โฆษณาต้องยึดถือความเข้าใจผู้บริโภคเป็นสำคัญ
แต่หากคณะกรรมการโฆษณาเห็นว่า โฆษณานั้นผิดกฎหมายก็สามารถออกคำสั่งได้ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขข้อความ หรือวิธีในการโฆษณา ไปจนถึงห้ามใช้วิธีการเดิมในการโฆษณา เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดของผู้บริโภค
ฝั่งผู้บริโภคที่เห็นโฆษณาที่ไม่เป็นธรรม หรือสร้างความเข้าใจผิด ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคม ก็สามารถแจ้งสคบ. ผ่านสายด่วนร้องทุกข์โทร. 1166 หรือร้องเรียนผ่านเว็บไซต์ complaint.ocpb.go.th หรืออีกช่องทาง คือ แอป OCPB Connect ได้
ด้าน โสภณ หนูรัตน์ หัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค สภาผู้บริโภค ก็ได้ออกมาระบุว่า คลิปวิดีโอนั้นอาจเข้าข่ายการโฆษณาที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับลักษณะหรือวิธีใช้สินค้า ตามมาตรา 22 ของ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 และมาตรา 23 การโฆษณาที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค
และสภาผู้บริโภคเตรียมทำหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อให้หน่วยงานกำกับดูแลเร่งตรวจสอบความเหมาะสมของเนื้อหาการโฆษณาดังกล่าว รวมถึงโฆษณาอื่น ๆ ที่สื่อสารคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง
พร้อมอยากให้อินฟลูเอนเซอร์ หรือผู้สร้างสรรค์ และผลิตสื่อตระหนักถึงสังคมมากขึ้น โดยเฉพาะระมัดระวังในการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าเนื่องจากสินค้าที่เป็นของใช้ไม่สามารถกินได้แบบในคลิป เพราะเป็นการจำลองสิ่งของที่ไม่ใช่อาหารมาเสมือนบริโภคได้ และอาจนำไปสู่พฤติกรรมการลอกเลียนแบบที่อันตรายถึงชีวิต
นอกจากนี้แบรนด์ หรือสินค้าที่เข้ามาทำการจ้างงานอินฟลูเอนเซอร์ก็ควรตระหนักรู้ร่วมกัน โดยเฉพาะสินค้าที่ไม่ใช่อาหารก็ไม่ควรนำเสนอถึงการบริโภคได้ แลควรระมัดระวังในการใช้ ทั้งน้ำยาปรับผ้านุ่ม สบู่ โฟมล้องหน้า และโปรกดักต์อื่น ๆ เพื่อไม่ให้ผิดจากสาระสำคัญของสินค้า หรือกระทบต่อผู้บริโภคในวงกว้าง
ปัจจุบันหลังการร้องเรียนไปถึงอินฟลูเอนเซอร์ดังกล่าว ก็มีการปรับเปลี่ยนคอนเทนต์แต่ยังคงมีเนื้อหาที่ทำสินค้าเป็นเค้กกินได้อยู่ โดยการขึ้นข้อความเตือนในช่วงเริ่มต้นคลิป และช่วงที่มีการกินสินค้าว่า “ในคลิปเป็นเค้ก ของจริงกินไม่ได้” รวมถึงเตือนให้เยาวชนที่รับชมอยู่ในความดูแลของผู้ปกครองด้วย
จากบทสรุปของเรื่องนี้ การเป็นอินฟลูเอนเซอร์ หรือแบรนด์ที่มีการจ้างงาน และอยากทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักในวิธีที่ใหม่ ๆ ก็ควรตระหนักถึงการเป็นสื่อ และโฆษณาที่จะมีผลต่อผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นการจำลองสถานการณ์ หรือเป็นโฆษณาเกินจริง ก็ควรมีข้อความในการเตือนผู้บริโภคอย่างชัดเจน เพื่อทำให้โลกของสื่อไม่บิดเบือน และสามารถถูกตรวจสอบได้อย่างถูกต้องต่อไป
ที่มา