อัปเดตเทรนด์ และทิป Facebook Ads เพิ่มอิมแพคให้กับแบรนด์

ในความคิดของใคร ๆ หลายคนอาจจะมองว่าการยิงแอด เป็นสิ่งที่ต้องลงทุนทั้งแรงสร้างโฆษณา และต้นทุนในการบูสต์โพสต์เพื่อให้คนมองเห็นมากขึ้น แต่จริง ๆ แล้ว Facebook Ads นั้นมีหลายวิธีที่จะช่วยลดต้นทุน และทำให้คนมองเห็นโฆษณาของแบรนด์เพิ่มขึ้นได้ แต่จะมีอัปเดต หรือทิปอะไรที่น่าสนใจ มาดู!

“Facebook Ads” หรือที่เรียกว่าการยิงแอดบน Facebook เป็นตัวช่วยที่มีทั้งเครื่องมือ ฟังก์ชัน และโซลูชันที่ทำให้ผู้ใช้ใน Meta (Facebook และ Instagram) มองเห็นโฆษณาของแบรนด์มากขึ้น

facebook ads trends - facebook stats callout

เพื่อให้เหล่า Active Users ที่ใช้งานกว่า 3 พันล้านแอกเคานต์ต่อเดือนได้เพิ่มยอด Reach และยอด Engagement ให้กับตัวเอง เพราะ Facebook นับว่าเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถส่ง ROI (Return on Investment) หรือผลตอบแทนจากการลงทุนให้กับผู้ใช้ได้สูงกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ ด้วย

อย่างไรก็ตาม ถ้าอยากจะใช้งาน Facebook Ads ให้มีประสิทธิภาพ ในขณะที่พฤติกรรม ความชอบ และความสนใจของผู้คนบนแพลตฟอร์มมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวัน ก็ต้องเพิ่มอิมแพค และสร้างแบรนด์ดิงผ่านการยิงแอดให้กลายเป็น Value Content มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

Influencer Marketing 

  • การตลาดแบบใช้อินฟลูเอเนซอร์ 
  • สร้างอิมแพคให้น่าซื้อ หรือใช้ตาม 
  • โฟกัสการใช้ไมโครอินฟลูเอนเซอร์

ปัจจุบัน Influencer Marketing หรือการตลาดอินฟลูเอนเซอร์ต้องมาควบคู่กับโซเชียลมีเดียไปแล้ว เพราะแอกเคานต์ที่ทุกคนมีบนแพลตฟอร์มต่างก็ผันตัวกลายไปเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่ขาย หรือรีวิวสินค้า และแบรนด์ดิงกันหมด ซึ่งผู้บริโภคไม่ว่าจะอุตสาหกรรมไหน ๆ ก็พร้อมที่จะเชื่อการรีวิวเรียล ๆ แบบนี้มากกว่า

ทำให้ Influencer Marketing กลายเป็นตัวขับเคลื่อนโฆษณาบน Facebook จำนวนมาก ตั้งแต่ธุรกิจเล็ก ๆ ไปจนถึงองค์กรระดับโลก โดยผู้บริโภคกว่า 84% มักจะซื้อตามการรีวิวของอินฟลูเอนเซอร์ และ 85% มีแนวโน้มที่จะถูกกระตุ้นให้เพิ่มสินค้าต่าง ๆ ลงตะกร้าชอปปิงด้วย

แต่ก่อนหน้านี้อาจมีหลายแบรนด์ที่ยกเลิกการทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ไป เนื่องจากราคาค่าตัวในการจ้างแพงไป ทำให้ต้องหันไปพึ่งอินฟลูเอนเซอร์ระดับนาโน หรือไมโครอินฟลูเอนเซอร์มากกว่า เพื่อดึงดูดผู้บริโภคในกลุ่ม Niche Market ให้กลายมาเป็นลูกค้า

อีกทั้งอินฟลูเอนเซอร์รายเล็กก็มีอัตราการมีส่วนร่วมสูงกว่าอินฟลูเอนเซอร์รายใหญ่ผ่านช่องทางโซเชียลด้วย โดย 82% ผู้บริโภคมักจะทำ และซื้อตามคำแนะนำของอินฟลูเอนเซอร์รายเล็กมากกว่า เพราะเข้าถึงได้ง่าย และรู้สึกว่าไม่ได้ปรุงแต่งอะไรเพื่อโฆษณาความเป็นแบรนด์ดิงมากเกินไป

หากก่อนหน้านี้แบรนด์ไหนยังไม่ได้ลองมาลงสนามแข่งในตลาดนี้ ปี 2024 จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ต้องแบ่งค่าใช้จ่ายมาจ้างเหล่าอินฟลูฯ และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ รวมถึงสร้างยอดขายจากความร่วมมือผ่านการเป็นพันธมิตรกับอินฟลูเอนเซอร์รายเล็กมากขึ้น อย่างไมโครอินฟลูเอนเซอร์ก็จะเป็นประโยชน์กับแบรนด์ด้วย

AI-powered Facebook Messenger 

  • ใช้เครื่องมือ AI ในกลยุทธ์บน Facebook 
  • สร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้า 
  • ใช้แชตบอทรองรับการสนทนากับลูกค้า 

เมื่อกระแสของโลก AI กลายเป็นเทรนด์ และเครื่องมือที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในหลาย ๆ ธุรกิจ และอุตสาหกรรม เพื่อประหยัดเวลา และทำงานได้เร็วขึ้น โดยทั้งนักการตลาด และผู้ที่อยู่ในวงการโฆษณามากกว่า 80% ก็ใช้เครื่องมือ AI กันอยู่แล้วด้วย

และแน่นอนว่าปี 2024 โลกของ AI ก็จะเติบโตมากขึ้น ใครที่ยังไม่ได้รวมเครื่องมือ AI เข้ากับกลยุทธ์ที่มีก็อาจทำให้เสียบเปรียบไปบ้าง ทั้งการเพิ่มการมีส่วยนร่วมกับลูกค้า การสนทนาผ่านแชตบอทที่โ๖้ตอบได้อย่างรวดเร็วทุกครั้งที่ลูกค้าต้องการ โดยกว่า 70% และ 55% ของธุรกิจ ก็สามารถสร้างยอดขายจากการใช้โซลูชันของแชตบอทเข้ามาช่วย

และ Facebook เองก็พึ่งประกาศเปิดตัว “AI Studio” ไป เพื่อช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถสร้างแอปพลิเคชัน AI ของตัวเองได้ พร้อมเครื่องมือมากมายจากเหล่า Third-party ที่ช่วยให้เปิดตัวแชตบอทบน Facebook ได้ในเวลาไม่กี่นาที

  1. เพิ่มการมีส่วนร่วมกับลูกค้าผ่านแชตบอท
  2. สร้างโอกาสในการขายที่มีคุณภาพ
  3. บูรณาการข้ามแพลตฟอร์ม เพราะแชตบอทสามารถใช้งานได้ร่วมกับทั้งแพลตฟอร์ม E-commerce และ CRM

 Ecommerce integrate Facebook & Instagram 

  • สร้างร้านค้าบน Facebook และ Instagram 
  • โฟกัสการขายแบบออนไลน์ 
  • สร้างประสบการณ์การชอปปิงที่ดี

เพราะโลกโซเชียลมีเดียไม่ได้เป็นแค่โซเชียลมีเดียที่มีไว้โพสต์คอนเทนต์ และสื่อสารอีกต่อไป อย่าง Facebook ก็กลายเป็นช่องทางพาให้ผู้บริโภคเข้าไปสู่โลกชอปปิงออนไลน์ได้เช่นกัน และด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั้งหลายกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมสำหรับแบรนด์ และ E-commerce ด้วย

ซึ่งฟีเจอร์ที่เกี่ยวกับ E-commerce บน Facebook นอกจากจะพัฒนาได้อย่างรวดเร็วแล้วในช่วงไม่กี่ปีมานี้แล้ว ทั้ง Facebook Shops และ Advantage+ shopping campaign ต่างก็กลายเป็นศูนย์กลางในการสร้างแคมเปญ และโฆษณาเพื่อเอื้อต่อการชอปปิงของผู้บริโภคด้วย

โดยในปี 2023 มีผู้ใช้ Facebook กว่า 37% ซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์ม เพราะมีขนาดของกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน อีกทั้งสามารถสร้างประสบการณ์การชอปปิงแบบมี Customer Journey ที่ดี ทั้งง่าย สะดวก และรวดเร็วในการค้นหาสินค้า ดูสินค้า และซื้อ พร้อมปิดจบการขายได้เลยด้วยการคลิกเพียงไม่กี่ครั้ง

เรียกได้ว่าตอนนี้สถานะการเป็นโลกชอปปิงออนไลน์บน Facebook ไม่ใช่แค่ทางเลือกในการประสบความสำเร็จในโลก E-commerce เท่านั้น แต่กลายเป็นสูตรบังคับสำหรับคนที่อยากประสบความสำเร็จ และเพิ่มยอดขายสูงสุดให้แบรนด์ตัวเองไปแล้ว

UGC with engagement 

  • สร้างคอนเทนต์ให้เรียล และน่าเชื่อถือ 
  • เพิ่มจำนวนคลิกและ Conversion ได้ 
  • เปิดตัวแคมเปญที่คุ้มต้นทุน 

User-Generated Content (UGC) หรือ ลักษณะสไตล์การสร้างคอนเทนต์จากผู้ติดตาม และกลุ่มเป้าหมาย โดยที่แบรนด์เพียงแค่ปล่อยแคมเปญ มีแฮชแท็ก และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอินฟลูเอนเซอร์ได้สร้างคอนเทนต์ ทำให้คนรู้จักแบรนด์มากขึ้นโดยประหยัดต้นทุน ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ยังฮิตอยู่ และฮิตต่อ

ซึ่งในความคิดหลาย ๆ คนจะรู้ดีว่าคอนเทนต์ประเภทนี้เอื้อต่อแพลตฟอร์มอย่าง TikTok แต่ความจริงแล้วก็มีผลลัพธ์ที่ดีสำหรับผู้ที่ลงโฆษณาบน Facebook ด้วยในปี 2024 เพราะแทนที่จะลงเงินเยอะ ๆ กับโฆษณา หรือแคมเปญเยอะ ๆ เพื่อให้คนมองเห็น การสร้าง UGC จะกระตุ้นให้เกิด Conversion กับกลุ่มเป้าหมายมากกว่า เช่น

  1. สามารถสร้างความน่าเชื่อถือกับผู้บริโภคได้ 90% เพราะ UGC ให้ความรู้สึกเรียล และน่าเชื่อถือได้มากกว่า
  2. สามารถเพิ่มจำนวนคลิกและ Conversion ได้ โดยการเพิ่ม Click-Through Rate (CTR) ได้สูงสุด 300%
  3. สามารถเปิดตัวแคมเปญที่คุ้มต้นทุนได้ เพราะคอนเทนต์ถูกสร้างจากผู้บริโภค แต่ให้ผลตอบแทนดี

How To ใช้ Facebook Ads สร้างอิมแพค 

  • ดึงดูดด้วยวิดีโอ Short-form  

เพราะวิดีโอสั้นครองอันดับหนึ่งบนโซเชียลมีเดียไปแล้ว โดยเฉพาะ TikTok ที่เริ่มดันคอนเทนต์ประเภทนี้มากขึ้น ซึ่งผู้ชมบน Facebook ก็มีส่วนร่วมกับคอนเทนต์วิดีโอเท่ากัน และมีการเลื่อนดูคอนเทนต์วิดีโอใหม่ ๆ ทุกครั้งที่เข้ามาในแอป

ฉะนั้นคอนเทนต์ที่เป็นวิดีโอสั้นที่ใช้เวลาดึงดูดความสนใจน้อยในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ก็เลยเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการสร้างอิมแพคบน Facebook Ads เพราะสามารถใส่ Call-to-Action (CTA) ให้ผู้ใช้ได้รู้จักกับแบรนด์ดิงต่อ เนื่องจากผู้ใช้บน Facebook กว่า 72% ชอบดูคอนเทนต์วิดีโอสั้น

  • สร้างแคมเปญแบบ UGC และ DCO 

หากต้องการสร้างยอดขายผ่านการโฆษณาบน Facebook ก็ต้องทำให้ Customer Journey ของกลุ่มเป้าหมายในการเข้าถึงแบรนด์ และโฆษณาราบรื่นมากที่สุด โดยสามารถเริ่มต้นจากการมีร้านบน Facebook และ Instagram ก่อน รวมถึงควรใช้ฟีเจอร์อย่าง Advantage+ Shopping บน Facebook ในการช่วยสร้างแคมเปญด้วย

เช่น แคมเปญแบบ Dynamic Creative Optimization (DCO) แคมเปญที่สามารถปรับแต่งได้ หรือจะทดสอบโฆษณาในรูปแบบต่าง ๆ ได้ แต่ก็อย่าลืมที่จะสร้างแคมเปญที่ให้กลุ่มเป้าหมายมีส่วนร่วมด้วยอย่าง UGC ด้วย

  • เพิ่มการมองเห็นจากการกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้กว้าง 

การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโฆษณาที่ยิงไปนั้น ไม่ใช่แค่การส่งโฆษณาไปถึงกลุ่มเป้าหมายที่ใช่เพียงเท่านั้น แต่ยังต้องตั้งกลุ่มเป้าหมายให้กว้างเข้าไว้ เพื่อที่จะได้ทดสอบการยิงโฆษณาได้หลายแบบ เพราะการกำหนดกลุ่มเป้าหมายแบบกว้าง ๆ อาจกลายเป็นสิ่งที่ช่วยเปลี่ยนเกมสำหรับประสิทธิภาพในการยิงโฆษณาแคมเปญได้เลย

เพราะแทนที่จะจำกัดผู้ชมบน Facebook ให้แคบลง อาจลองเริ่มต้นด้วยการกำหนดเป้าหมายที่กว้างขึ้น และปล่อยให้อัลกอริทึมมีการเรียนรู้แต่ละขั้นตอน แต่ละผลลัพธ์ เพื่อทำให้สามารถระบุกลุ่มที่มีมูลค่าสูงสำหรับแบรนด์ได้ในภายหลัง

ที่มา: https://www.wordstream.com/blog/2024-facebook-ads-trends

Copyright © 2024 RAiNMaker. All rights reserved.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save