AISEOShortsYoutube

Avatar

Thesky February 4, 2025

ไกด์ YouTube Algorithm 2025 เทคนิคบูสต์เอนเกจคอนเทนต์สำหรับครีเอเตอร์

หากพูดถึงอัลกอริทึมก็คงเป็นสิ่งที่คนทำคอนเทนต์อยากจะทำความเข้าใจให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะอัลกอริทึมของ YouTube ที่สามารถทำให้มั่นคงในระยะยาวได้ ก็จะเป็นผลดีทั้งกับยอดเอนเกจเมนต์ และรายได้ด้วย เพราะผู้คนนับล้านต่างก็ใช้ YouTube เป็นทั้งแหล่งเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ให้ความรู้ หรือสามารถให้ทั้ง 2 สิ่งในเวลาเดียวกันได้

ซึ่ง YouTube นับเป็นแพลตฟอร์มที่มั่นคงที่สุดสำหรับเหล่านักสร้างคอนเทนต์ทั่วโลก เพราะไม่ว่าพฤติกรรมของผู้คนจะเปลี่ยนไปเสพคอนเทนต์แบบ short-form หรือกลับมาให้ความสนใจกับ long-form ก็ตาม YouTube ก็สามารถยืนหยัดได้เพราะชูเรื่องคอนเทนต์เป็นหลัก

แต่จะมีสิ่งหนึ่งที่ฐานะนักสร้างคอนเทนต์ต้องทำความเข้าใจ เพื่อที่จะได้เพิ่มความโดดเด่นของคอนเทนต์มากขึ้น นั่นก็คือเรื่องของอัลกอริทึม ว่าทำคอนเทนต์ยังไงให้เข้าถึงคนดู และแมสได้ เพราะที่จริงแล้วแพลตฟอร์มอย่าง YouTube ก็มีส่วนผสมของการเป็น Search Engine แบบ Google อยู่ด้วย

โดยเฉพาะในยุคที่มี AI เข้ามาแนะนำคอนเทนต์หน้าฟีด หรือหน้าโฮมโปรไฟล์ที่เกี่ยวข้องมากขึ้น ก็ยิ่งทำให้อัลกอริทึมของ YouTube กลายเป็นอินไซต์ที่สำคัญ เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนใหม่ ๆ สามารถเข้าถึงคอนเทนต์ในช่องต่าง ๆ ได้

และแม้อัลกอริทึมจะถูกกำหนดทั้งในแง่มุมของวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์เพื่อใช้ให้เกิดตัวชี้วัด และประเมินประสิทธิภาพของคอนเทนต์ในช่อง วันนี้ RAiNMaker จะมาเจาะลึกให้รู้กันว่าควรจะเริ่มทำความเข้าใจอัลกอริทึมบน YouTube แบบไหนบ้าง ถึงจะรู้ได้ว่าคอนเทต์ที่ถูกสร้างขึ้นมา จะไปหากลุ่มเป้าหมายที่ใช่ได้

Discover Video Content

การจะเจอคอนเทนต์ที่ใช่ กลุ่มเป้าหมายบน YouTube ส่วนใหญ่ก็มักจะเจอเองตามที่อัลกอริทึมแนะนำ หรือไม่ก็รู้ว่าตัวเองต้องการคอนเทนต์แบบไหนเลยทำการค้นหา เลยแบ่งประสิทธิภาพในการค้นหาคอนเทนต์วิดีโอได้ ดังนี้

Recommended Content

ตำแหน่งที่แสดงคอนเทนต์แนะนำ 

  • Home page (หน้าโฮมบน YouTube)
  • Suggested Video (แท็บคอนเทนต์ที่แนะนำ)

Pinpoint Factors: หลักการวิเคราะห์ Recommended Content 

เมื่อได้รู้ตำแหน่งการแสดงคอนเทนต์ที่อัลกอริทึมของ YouTube แนะนำไปแล้ว หลักการวิเคราะห์วิดีโอที่แนะนำ เพื่อนำไปต่อยอดการสร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ ก็คือการทำความเข้าใจความสนใจ และ Interact ของผู้ชม (User) ที่ให้สัญญาญกับคนทำคอนเทนต์ ดังนี้

  • User รับชมแบบใด 
  • User ไม่ชอบรับชมแบบใด 
  • User ค้นหาคอนเทนต์แบบใด 
  • User กด Like หรือ Dislike 
  • User ให้ฟีดแบ็ก Not Interest อย่างไร 

YouTube Tracking: สิ่งที่ติดตามจากผู้ชม 

หลังจากทำความเข้าใจ และวิเคราะห์คอนเทนต์ที่แนะนำกับผู้ชมแล้ว สิ่งสำคัญที่สามารถแทร็ก เพื่อวิเคราะห์ผู้ชมได้มีอินไซต์ยิ่งขึ้นก็คือ

  • Viewer Watch: ระยะเวลาการรับชม
  • Search Video: การค้นหาวิดีโอ
  • Skip: ช่วงที่มีการกดข้ามวิดีโอ
  • Like & Dislike: การแสดงว่าชอบ และไม่ชอบ
  • Not Interest: การแสดงว่าไม่สนใจ

Selection of Video: หลักการแนะนำคลิปให้ผู้ชม 

เพราะ YouTube มักจะมีการเสิร์ฟคอนเทนต์วิดีโอที่เกี่ยวข้องกับผู้ชมแต่ละคนแบบ ‘Personalized Recommendations’ อยู่แล้ว ทั้งหน้าโฮม (Home Page) หรือหน้าผู้ติดตาม (Subscription) และวิดีโอที่มีผู้ชมเหมือนกัน (Videos watched by similar viewers) ไปจนถึงวิดีโอใหม่ (New videos)

  • Performance: คอนเทนต์มีประสิทธิภาพตรงตามความสนใจผู้ชมมากน้อยแค่ไหน
  • Watch Time: ความถี่ในการรับชมวิดีโอในช่อง
  • Search History: ความถี่ในการแสดงคอนเทนต์ในช่องค้นหา เมื่อพิมพ์ผ่านคีย์เวิร์ดที่กำหนดไว้

Suggested Videos Algorithm: อัลกอริทึมการแนะนำคลิป 

สำหรับการแนะนำคลิปจากอัลกอริทึมของ YouTube มักจะมีการแนะนำผ่านด้านขวามือของผู้ชม และมีการจัดอันดับที่อ้างอิงมาจากความสนใจของผู้ชมแต่ละคน ซึ่งส่วนใหญ่อัลกอริทึมจะมีเกณฑ์คัดการแนะนำคลิป คือ

  • Currently Watching: คลิปที่รับชมล่าสุด 
  • Related: คลิปที่เกี่ยวข้องกับความสนใจ 
  • Similar Creators: คลิปที่ครีเอเตอร์ที่ชื่นชอบคล้ายกัน 
  • Recently Uploaded: คลิปที่อัปโหลดล่าสุด 
  • Watch History: คลิปที่มาจากประวัติการรับชม 

การวัด Algorithm Metrics 

สำหรับการวัดประสิทธิภาพจากอัลกอริทึมของ YouTube จะประกอบไปด้วย ส่วนที่มาจากการรับชมคอนเทนต์วิดีโอ การได้รับฟีดแบ็ก และการส่งพรอมพ์เพื่อให้ผู้ชมตอบคำถามเป็นเวลาสั้น ๆ เพื่อให้ผู้ชมมี Interact มากที่สุด ไม่ว่าคอนเทนต์จะเป็นรูปแบบไหนก็ตาม

1. Engagement

ตัววัดหลักของ YouTube และทุก ๆ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีอัลกอริทึมของตัวเอง โดยมักจะมาจากการรับชมคอนเทนตืวิดิโอเป็นหลัก และผู้ชมมักจะแสดงการ Interact บ่อยครั้งทั้งก่อน ระหว่าง และหลังรับชมคลิป

– Watch Time
– Views
– Likes
– Dislikes
– Shares

2. Direct Feedback

เมื่อ YouTube ให้ความสำคัญกับพฤติกรรมการรับชมของผู้คน การปรับแต่งหน้าโฮมเพจเองในฐานะเจ้าของช่องได้ ก็เพื่อสร้างทิศทางในการรับชมของผู้ชมที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้เจอคลิปที่ต้องการเพิ่มยอดเอนเกจเมนต์มากขึ้นในหน้าฟีด
– Add to queue
– Save to Watch later
– Share

3. Feedback Surveys

youtube feedback surveys

พรอมพ์การถามความคิดเห็นแบบสุ่มของ YouTube ที่ต้องการถามเพื่อนำไปพัฒนาการแนะนำของอัลกอริทึมต่อไป
– เรตติงวิดีโอผ่านการให้ดาว
– เลือกเหตุผลการให้คะแนน
– มีตัวเลือก ‘Not Interested’  

Trending Videos

เกณฑ์การเลือกคอนเทนต์วิดีโอที่ติดเทรนด์บน YouTube

  • Long-form และ Short-form ยอดนิยม 
  • เทรนด์ต่างไปตามภูมิภาค เพราะผู้ใช้แต่ละภูมิภาคให้ความสนใจคอนเทนต์แตกต่างกัน
  • มีการรีเฟรชทุก 15 นาที เพื่อให้เทรนด์สดใหม่ และอัปเดตคอนเทนต์ที่ติดอันดับการเข้าชม และยอดวิวแบบเรียลไทม์มากที่สุด

ตัววัดที่ทำให้คอนเทนต์ติดเทรนด์ 

นอกจากความนิยม และเทรนด์ที่แตกต่างไปตามภูมิภาคแล้ว การคำนวณของอัลกอริทึมที่ทำให้คอนเทนต์วิดีโอสามารถติดเทรนด์ได้ ก็มีตัววัดประสิทธิภาพอยู่เช่นกัน โดยส่วนใหญ่แล้วจะโฟกัสไปที่ความสนใจแปลงเป็ยอดวิว ความสดใหม่ของคอนเทนต์ และการเปรียบเทียบที่ทำให้คอนเทนต์นั้นโดดเด่นที่สุด

  • View Count: นับยอดวิว 
  • Generating Views: ความเร็วการเพิ่มขึ้นของยอดวิว 
  • Views From: ต้นทางของยอดวิว 
  • Age of Video: อายุของคอนเทนต์วิดีโอ 
  • Video Performance Compared: เปรียบเทียบวิดีโอที่อัปโหลดในช่องเดียวกัน 

YouTube Search: วิดีโอที่ติดการค้นหา

เช่นเดียวกับการเป็น Search Engine ของ Google ด้าน YouTube เองก็มักจะโฟกัสไปที่ความเกี่ยวข้องของคอนเทนต์ และคีย์เวิร์ดที่ใช้ค้นหาด้วย โดยไม่ได้คำนึงถึงแค่วิดีโอที่มียอดวิวเยอะที่สุดเพียงอย่างเดียว 

  • ผลลัพธ์คำนวณมาจากคลิปที่เกี่ยวข้องกับผู้ชม 
  • อัลกอริทึมคล้ายกับ Google Search 
  • ประมวลผลจาก Keyword Search 
  • ไม่ได้มาจาก Most-view Videos 

 Search Algorithm: สิ่งที่แท็บค้นหาให้ความสำคัญ 

เพื่อให้คอนเทนต์วิดีโอที่ผู้ชมค้นหาถูกพบเจอได้มากที่สุด การใส่ข้อมูล และรายละเอียดที่มีคีย์เวิร์ดเกี่ยวข้อง หรือยอดนิยมในการค้นหาในแต่ละจุดบน YouTube เท่าที่ทำได้ จะช่วยให้คอนเทนต์ถูกค้นพบได้ง่ายขึ้นไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น

  • Title 
  • Description 
  • Video Content 
  • Viewer Search 
  • Drive Engagement 

Key Focus: การคิดชื่อคลิปบนปกคลิป และคำอธิบายเกี่ยวกับคลิปพร้อมแฮชแท็ก ไปจนถึงคอนเทนต์ที่อัปโหลด จะต้องแมทช์กับคีย์เวิร์ดในการค้นหาของผู้ชมให้มากที่สุดเสมือนกับการทำ ‘YouTube SEO’ เพื่อให้อัลกอริทึมของ YouTube ประมวลผลลัพธ์ให้เจอตรงกันนั่นเอง

จากข้อแนะนำในการทำความเข้าใจอัลกอริทึมของ YouTube มากขึ้น แสดงให้เห็นว่าความเกี่ยวข้องทั้งหมดล้วนเชื่อมโยงกัน ตั้งแต่คอนเทนต์ที่ทำ ชื่อคลิป คำอธิบาย และคีย์เวิร์ดการค้นหาที่ใส่ไป ยิ่งตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้ค้นหามากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

เช่นเดียวกับการทำ SEO เวลาเขียนบทความบนเว็บไซต์ ฝั่ง YouTube เองก็มีการสร้าง SEO ที่กำหนดเองได้อย่างหลากหลาย เพียงแค่ต้องทำให้ทุกอย่างเชื่อมโยงกับพฤติกรรมของผู้ชมที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักด้วยนั่นเอง ใครที่ทำคอนเทนต์บน YouTube อยู่ ก็สามารถลองไปทำดูกันได้นะ

ที่มา: https://buffer.com/resources/youtube-algorithm/

Copyright © 2025 RAiNMaker. All rights reserved.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save