สิ้นปีแบบนี้ แน่นอนว่าเป็นเทศกาลแห่งการอัปเดตเทรนด์ต่าง ๆ เพื่อเตรียมต้อนรับปี 2023 กันเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะสายเอเตอร์ที่ต้องคอยตามเทรนด์เก็บทริกต่าง ๆ เพื่อมาสร้างสรรค์คอนเทนต์

วันนี้ RAiNMaker เลยเอาใจสายกราฟิก รวม 10 เทรนด์ Graphic Design ที่น่าจับตามองในปี 2023 มาฝากกัน บอกเลยถึงแม้ว่าภาพรวมเทรนด์กราฟิกในปีหน้าจะออกแนว Futuristic ซะส่วนมาก แต่ก็ยังเทรนด์อื่น ๆ ที่มีดีเทลมากกว่านั้น ซึ่งเราคัดมารวมไว้ให้ที่นี่แล้ว!

Motion Graphics & Animations

เรียกว่าเทรนด์ปัจจุบัน Video Content มาแรงแซงไปไกลมาก ทำให้ Visual ในงานกราฟิกเองก็ควรมี Motion Graphics หรือ Animations ที่เคลื่อนไหวได้เข้ามาช่วยเสริมให้ผลงานน่าดึงดูดมากขึ้นตามไปด้วย

โดยเฉพาะกับการดีไซน์ UX เพื่อให้ผู้รับชมได้ประสบการณ์ และมีส่วนร่วมกับผลงานผ่านความเคลื่อนไหวเหล่านั้นมากขึ้น แถมการเพิ่ม Motion Graphics ยังจะช่วยสะกดให้ผู้รับชมจำเป็นต้องหยุดดูภาพนั้น ๆ อย่างห้ามไม่ได้อีกด้วย ซึ่งเป็นการเพิ่มยอดการมีส่วนร่วมแบบเต็ม ๆ

ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คงจะเป็นเว็บไซต์ของ Apple ที่มี Motion ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์หวือหวา สะกดทุกสายตาให้ต้องหยุดเลื่อนเพื่อดูกันเลยทีเดียว ซึ่งการมี Motion จะช่วยเพิ่มประสบการณ์ และส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อให้ผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี

Metaverse / Virtual Reality

อีกหนึ่งเทรนด์ที่กำลังมา และทุกคนคงคุ้นชื่อกันเป็นอย่างดี “Metaverse” ที่รวมไปถึง Al, AR และ VR มีแนวโน้มว่าในปี 2023 โลกจะก้าวเข้าสู่โลกเสมือนเต็มตัวมากขึ้น หรือเรียกง่าย ๆ ว่า Visual ที่สื่อถึงเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต โดยภาพรวมของกราฟิกสไตล์นี้จะเน้นความ Futuristic ผ่านการใช้องค์ประกอบ 3D เข้ามาช่วย ผสมผสานกับการไล่สีแบบ Gradient รวมถึง Text ที่มีความ Sci-fi เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดื่มด่ำ และแปลกใหม่ให้ผู้ชมได้รู้สึกถึงความล้ำในโลกเทคโนโลยีแห่งอนาคต

Distorted Type

การใช้ฟอนต์ หรือองค์ประกอบที่มีรูปร่างบิดเบี้ยวไปจากความเป็นจริง รวมถึงมีความไหลลื่น ช่วยทำให้ผลงานดูมี Movement มากขึ้น ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้กับเทรนด์ Metaverse ได้เป็นอย่างดี

Liquid Gradients

เทรนด์สี Gradients เรียกว่ามีมาค่อนข้างนาน แต่เทรนด์ที่กำลังจะมาแรงในปี 2023 นี้ จะเป็น Liquid Gradients หรือเหมือนการไล่สีที่ Texture ของกราฟิกจะดูไปทางสีเงามัน เหมือนกับการรวมสีกันของของเหลวนั่นเอง ซึ่งงานประเภทนี้จะให้ความรู้สึกมี Movement ไหลลื่นเป็นอิสระอย่างไม่มีที่สิ้นสุดมากขึ้นเมื่อเทียบกับการไล่สี Gradients แบบธรรมดา

ยิ่งถ้าหากวาง Text ทับไปบนพื้นหลังที่เป็น Liquid Gradients จะทำให้ตัวหนังสือมีความโดดเด่น รวมถึงดึงดูดให้คนมองได้ไม่เบื่ออีกด้วย

3D Elements

เหล่าองค์ประกอบ 3D ก็ช่วยทำให้ภาพล้อไปกับเทคโนโลยี และความ Futuristic มากขึ้น ซึ่งเข้ากับเทรนด์ที่จะมาในปี 2023 อย่าง Metaverse ได้เป็นอย่างดี แถมแนวโน้มของ Visual 3D ยังจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคตอีกด้วย

นอกจากความสวยงาม และการสื่อถึงความทันสมัยแล้ว การมีองค์ประกอบ 3D ยังช่วยยกระดับให้ผลงานออกมาดูดี และมีระดับมากขึ้นอีกด้วย เนื่องจากองค์ประกอบที่แสดงให้เห็นถึงหลายด้าน ทั้งแสง มุม และความตื้นลึกขององค์ประกอบอย่างชัดเจน จึงทำให้คอนเทนต์ประเภท Marketing นำองค์ประกอบ 3D มาใช้ในการช่วยอธิบายบทความเพิ่มเติมนั่นเอง

Surrealist Maximalism

การผสมผสานระหว่างความ Realism และ Minimalism จนเกิดเป็น Surrealist Maximalism หรือ Visual ที่สื่อถึงความเกินจริง ความล้ำสมัย เหตุเกิดมาจากหลังโควิดฟื้นตัว ทำให้ทุกคนไม่ต้องการการถูกกักอยู่ในกรอบ หรือข้อกำหนดอีกต่อไป Visual ที่สื่อถึงจินตนาการอันล้ำลึกเหนือความเป็นจริงจึงเป็นนิยมมากขึ้น

ตัวอย่างเช่น Coca-Cola ที่นำเทคนิคนี้ไปใช้ในการโปรโมตแคมเปญ Taste a Dreamworld Limited Edition Flavour ที่นำองค์ประกอบต่าง ๆ มารวมกัน ทำให้ภาพออกมาดูเป็นโลกที่ดูล้ำสมัย และเหนือความเป็นจริง ซึ่งหลาย ๆ แบรนด์เองก็ใช้นำเสนอผลิตภัณฑ์ของตัวเองผ่านการออกแบบงานสไตล์นี้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Zoom, Samsung หรือ Adobe เป็นต้น

Retrofuturism

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าเทรนด์ Futuristic กำลังมาแรง แต่ในขณะเดียวกันคนก็โหยหาการหวนสู่อดีต หรือที่หลายคนคงคุ้นกับคำว่า Nostalgia กัน จึงทำให้เกิดการผสมผสานระหว่างสีสันของความ Retro เข้าไปกับความ Futuristic เกิดเป็นผลงานในอนาคตที่มีกลิ่นอายของความดั้งเดิมในยุคเก่าเข้าไปด้วย

ด้วยสีที่ฉูดฉาดของความ Retro จะช่วยทำให้ผลงานดึงดูดสายตาให้ต้องหยุดดูได้ไม่ยาก แถมเมื่อใส่ความล้ำเข้าไปแล้ว ยิ่งทำให้พูดงานดูทันสมัยและน่าจับตามองอย่างเลี่ยงไม่ได้เลยทีเดียว

The Return of the Sans Serif

หากพูดถึงฟอนต์แห่งยุคน้ี คงเรียกได้ว่าเป็นการกลับมาของฟอนต์ตระกูล Sans Serif อย่างแท้จริง แทนที่จะใช้ฟอนต์หวือหวา การใช้ฟอนต์ที่มีความ Minimalism ที่สื่อถึงความเรียบง่าย เรียบหรู แต่ยังคงสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ไว้

ซึ่งฟอนต์ตระกูล Sans Serif มีหลากหลายแบบให้เลือกใช้ ทั้งแบบเรียบยง่ายธรรมดา เน้นความกว้าง หรือใส่ Movement เข้าไปในฟอนต์ เรียกว่ามีหลายแบบแล้วแต่สไตล์ที่ต้องการ เหมาะกับการนำมาใช้ในการออกแบบโลโก้ หัวข้อบทความ บรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้ยังเหมาะกับงานประเภทออนไลน์อย่างเว็บไซต์ และนิตยสาร เป็นต้น

Sci-Fi Logos

สืบเนื่องมาจากเทรนด์ Metaverse และความล้ำหน้าของเทคโนโลยี ทำให้หลายแบรนด์พยาพยามจะผสมผสานตัวเองเข้าไปกับความ Futuristic มากขึ้น จึงเริ่มมองหา Visual ที่สื่อถึงเทคโนโลยีมากขึ้น เพื่อเตรียมตัวให้เข้ากับเทรนด์ที่กำลังจะมาในอนาคต

นอกจากการออกแบบบสไตล์ Futuristic ด้านของการออกแบบโลโก้จึงมีความเข้าถึงเทคโนโลยี และความ Sci-Fi มากขึ้น โดยเฉพาะแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี เทรนด์ การตลาด ยิ่งเหมาะกับการออกแบบประเภทนี้เป็นอย่างมาก

Chaotic Maximalism

การเปลี่ยนผ่านจาก Gen Y สู่ Gen Z ก็ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแง่ของการออกแบบเช่นเดียวกัน สำหรับ Gen Y อาจจะเน้นไปที่ความ Minimalism ซะส่วนมาก ในขณะที่ Gen Z ในปัจจุบันเริ่มสนใจการออกแบบที่ดูยุ่งเหยิง และมีความ Maximalism มากขึ้น

ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว Chaotic Maximalism เป็นประเภทกราฟิกที่เคยเป็นที่นิยมในอดีต เนื่องจากเป็นการผสมผสานการออกแบบระหว่าง Folk Art และศิลปะในอดีตเข้ากับเทรนด์ในปัจจุบัน จนเกิดเป็นการย้อนยุคที่ดูทันสมัย

และทั้งหมดนี้ก็เป็นเทรนด์ Graphic Design ที่มาแรง และมีแนวโน้มในการใช้งานกันมากขึ้นในปี 2023 ที่เราคัดสรรมาฝากเหล่ากราฟิกทุกคนกัน ยังไงก็ลองศึกษาแต่ละเทรนด์และนำไปปรับใช้ให้เข้ากับแนวทางการสร้างสรรค์ผลงานของตัวเองกันดูนะคะ!

ที่มา: VENNGAGE, InDesignSkills