ปัจจุบัน Reels ของ Meta ทั้งบน Facebook และ Instgram ไม่ได้เป็นแค่พื้นที่รวมคอนเทนต์สำหรับครีเอเตอร์ หรือแบรนด์ให้ได้เชื่อมต่อกับผู้ติดตาม และเพิ่มคอมมูนิตี้ แต่ยังเป็นพื้นที่ในการโปรโมตเพื่อให้ผู้คนที่ไม่ได้ติดตามเกิดความความสนใจ เข้ามาทำความรู้จัก และเชื่อใจแบรนด์ในที่สุด
ซึ่งคอนเทนต์ใน Reels ทุกวันนี้มีการสร้าง Social Graph หรือสิ่งที่เรามักจะเจอหน้าฟีดมาจากสิ่งที่สนใจเป็นหลัก และผู้คนส่วนใหญ่ก็มักจะใช้เวลากับกับการไถคลิปหรือแชร์ Reels โดยเฉลี่ยไปแล้วกว่า 4.5 พันครั้งต่อวัน และยังมีสถิติที่น่าสนใจก่อนจะต่อยอดเป็น Reels Ads นั่นก็คือ
Power of Reels
พลังของคอนเทนต์ Reels ไม่ได้มีแค่การทำให้ผู้คนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง หรือมีส่วนร่วมกับ Reels เพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ในการโฆษณาที่มีประสิทธิภาพสำหรับครีเอเตอร์ และแบรนด์มากกว่าที่คิด
- 85% ผู้คนมักจะเข้าไปส่องช่องแอ็กเคานท์ของครีเอเตอร์ หรือแบรนด์ และกดติดตามทันทีหลังรับชมคอนเทนต์ Reels ที่พบว่าตรงกับความสนใจ
- 79% ผู้คนมักจะตัดสินใจซื้อของจากแบรนด์ทันทีหลังรับชม Reels เพราะคอนเทนต์วิดีโอสามารถโน้มน้าวใจได้ดีกว่า
- 75% ของคอนเทนต์ Reels ที่มักจะได้ผลลัพธ์ดีจะต้องมีเสียงเป็นองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเสียงในแง่ของ Music, Voiceover และ Sound Effect
- 60% ผู้คนมักจะใช้เวลาในรับชมคอนเทนต์วิดีโอบน Reels ซึ่งมีทั้งคอนเทนต์ไลฟ์สไตล์ บันเทิง และการชอปปิงที่ทำให้รู้จักกับแบรนด์ใหม่ ๆ มากขึ้น
- 55% ของครีเอเตอร์ที่ทำคอนเทนต์ Reels เกี่ยวกับการคอลแลบแบรนด์ หรือทำคอนเทนต์ที่สื่อ และรีวิวถึงแบรนด์ จะทำให้ผู้คนได้เจอกับแบรนด์ใหม่ ๆ
- 14% ของแบรนด์ทำแคมเปญโปรโมตสินค้า หรืออยากสร้างภาพจำโดยใช้คอนเทนต์วิดีโอ Reels จะสามารถเข้าถึงผู้คนได้มากกว่าการโพสต์ปกติทั่วไปทั้งบน Facebook และ Instagram
Reels Ads Placement
ผลลัพธ์ที่ดีของคลิปไม่ได้อยู่แค่การครีเอทีฟให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ แต่ต้องรู้จักที่จะเล่าเรื่องแบบมี Storytelling ให้ถูกไซซ์ ซึ่ง Reels สามารถครอปขนาดวิดีโอที่ต้องการได้ที่ Ads Manager เพื่อทำการโปรโมตแคมเปญต่อไป ไม่ว่าจะเป็น
- Horizontal (16:9) ขนาดแนวนอน
เจอคลิปได้ที่: Search results และ In-stream Videos โดยสามารถเจอโฆษณานี้ได้จากการเสิร์ชเพื่อให้แสดงคลิป หรือการขึ้นโปรโมตแบรนด์คั่นขณะไถคลิป
- Vertical (9:16) ขนาดแนวตั้ง
เจอคลิปได้ที่: Stories, Reels, Apps และ Websites โดยสามารถเจอโฆษณานี้ได้ทั้งใน Facebook และ Instagram Stories ไปจนถึงแอป และเว็บไซต์ต่าง ๆ ได้
- Square (1:1) ขนาดเท่ากัน
เจอคลิปได้ที่: Feeds และ In-stream videos โดยสามารถเจอโฆษณานี้ได้ในหน้าฟีดโพสต์ หรือ Reels ไปจนถึงการขึ้นโปรโมตแบรนด์คั่นขณะไถคลิป
- Vertical Portrait (4:5) ขนาดแนวตั้ง
เจอคลิปได้ที่: Feeds และ In-stream videos โดยสามารถเจอโฆษณานี้ได้ในหน้าฟีดโพสต์ หรือ Reels ไปจนถึงการขึ้นโปรโมตแบรนด์คั่นขณะไถคลิป
Creative Tools of Reels
- Reels Sound
มี Sound Collection ให้ดาวน์โหลดใช้ฟรี และเปรียบเสมือนคลังเพลงที่มีตัวเลือกมู้ดโทน ความยาว ลักษณะของเสียงร้อ ไปจนถึงความช้า – เร็วของจังหวะที่ต้องการได้ คล้ายกับ Audio Library บน YouTube
- Reels Audio Library
นอกจาก Sound Collection แล้ว ยังมี Reels Audio Library เพื่อค้นหาเพลย์ลิสต์เพิ่มเติมได้ เพราะมีการแยกหมวดหมู่สำหรับซาวด์ที่ใช้ในคลิปตามมู้ดโทนต่าง ๆ ไว้แล้ว เช่น Before/After, Dialogue, Lifestyle, Listicle, On Repeat, Reactions, Reveal และ Transitions
- Meta Ads Manager
เพื่อให้แน่ใจว่าการสร้างคลิปสำหรับโปรโมตที่มีคุณภาพ จะไม่โดนอินเทอร์เฟซของแพลตฟอร์มบดบังคลิป หรือส่วนสำคัญที่แบรนด์ต้องการ Reels ก็มีไกด์การแนะนำ ‘Safe Zones Checker’ ผ่าน Meta Ads Manager สำหรับเช็กอินเทอร์เฟซคลิปเอาไว้ให้ด้วย
Reels Ads Improvement
แม้คอนเทนต์ Reels ปกติจะเพิ่มยอดเอนเกจเมนต์ และเพิ่มการมองเห็นได้อยู่แล้ว การสร้างโฆษณาให้เป็น Reels Ads ก็จะยิ่งเพิ่มยอดเอนเกจเมนต์ และถูกมองเห็นมากขึ้นไปอีก
- CPR (Cost Per Result): ต้นทุนต่อผลลัพธ์จากโฆษณา 16%
- ROAS (Return on Ad Spend): ผลตอบแทนจากการโฆษณา 13%
- Conversion Rate: การเปลี่ยนแปลงจากกลุ่มเป้าหมายมาเป็นลูกค้า 29%
- Reach (Reels, Feed, Stories): การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และลูกค้า 11%
CTA Button
มีปุ่มสำหรับ Call-to-Action เพื่อสื่อสารกับแบรนด์
- SEND MESSAGE: ปุ่มสำหรับส่งข้อความพูดคุยกับแบรนด์
- SHOP NOW: ปุ่มสำหรับการเลือกดู และชอปปิงสินค้าของแบรนด์ต่อ
- LEARN MORE: ปุ่มสำหรับการเรียนรู้ และแลนด์ดิงไปยังเพจ เว็บไซต์ หรือแอ็กเคานท์ของแบรนด์
Creative Reels Ads
- Make it entertaining
โฆษณาที่เป็นคอนเทนต์วิดีโอสั้นที่ประกอบทั้งภาพ และเสียงช่วยสร้างความบันเทิง
- Make it relatable
วิชวลในคอนเทนต์ช่วยให้ผู้คนรู้สึกมีส่วนร่วม และเชื่อมต่อกับผู้ชม
- Make it digestible
เน้นจังหวะการนำเสนอที่คำนึงถึงเวลาจำกัดที่ผู้ชมจะเห็นโฆษณาโดยตรง
- Make it connect
มีพาร์ทเนอร์ให้คอลแลบ และค้นพบ Creator Marketplace ง่ายขึ้น
โดยสรุปแล้วจากอินไซต์ของ Reels Ads ทั้งหมด ยิ่งแสดงให้เห็นว่าการค่อย ๆ เนียน และซึมไปยังที่ ๆ ผู้คนให้ความสนใจได้มากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับแบรนด์ได้มากขึ้นเท่านั้น
เหมือนกับที่ทั้ง Facebook และ Instagram ต่างก็มีฟังก์ชัน Reels Ads เหมือนกัน แต่ Ads Placement จะต้องคำนึงถึงสถานที่ที่จะทำให้กลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ติดตามค้นพบ หรือโปรโมตเพื่อออกไปเจอกับผู้คน เพื่อสร้างคอมมูนิตี้ใหม่ ๆ ก็ทำได้
ที่มา: https://www.facebook.com/business/ads/facebook-instagram-reels-ads
