
ในขณะที่ Edits แอปตัดต่อของ Meta ทยอยปล่อยอัปเดตเรื่อย ๆ ทางฝั่ง CapCut แอปตัดต่อวิดีโอจาก TikTok ก็ไม่น้อยหน้า ล่าสุดได้เพิ่มตัวเลือกใหม่หลายอย่างเพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำในหมวดแอปตัดต่อวิดีโอ

ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการเพิ่มฟีเจอร์ LinkedIn Integration เพื่อส่งวิดีโอจาก CapCut ไปยัง LinkedIn โดยตรงผ่านปุ่มแชร์ใหม่ที่ปรากฏบน Composer ที่ทำได้ใน 2 ขั้นตอน ไม่ต้องเสียเวลา Export ไฟล์หรือผ่านขั้นตอนเพิ่มเติม
คอนเทนต์วิดีโอที่แชร์จาก CapCut และเกี่ยวข้องกับเทรนด์วิดีโอของ LinkedIn จะถูกจัดให้แสดงในเทรนด์โดยอัตโนมัติ แต่ไม่มีผลกระทบกับการจัดอัดดับคอนเทนต์บนหน้าฟีด นอกจากนี้วิดีโอที่มาจาก CapCut จะมีข้อความกำกับว่า “Made with CapCut” อยู่เหนือคำอธิบาย
จากการที่ LinkedIn ให้ความสำคัญกับวิดีโอมากขึ้น การเชื่อมต่อกับ CapCut จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ครีเอเตอร์นำคอนเทนต์ไปใช้ซ้ำบนแพลตฟอร์มอื่นได้ง่ายขึ้น แม้ว่าคอนเทนต์ที่เหมาะกับ TikTok อาจไม่เข้ากับ LinkedIn โดยตรง แต่หากปรับแต่งเล็กน้อยก็สามารถขยายการเข้าถึงสู่กลุ่มคนดูบน LinkedIn ได้มากขึ้น
นอกจากการเชื่อมต่อกับ LinkedIn แล้ว CapCut ยังเพิ่ม AI Tools ใหม่หลายตัวเพื่อช่วยสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจยิ่งขึ้น ได้แก่
-
Text-to-video Creation: สร้างวิดีโอจากข้อความ Prompt ได้ทันที พร้อมสคริปต์และเพลงประกอบ
-
AI Media Generation: เข้าถึงโมเดล AI ภายนอก เช่น Veo3 และ Seedream เพื่อสร้างวิดีโอและภาพ
-
AI Avatars & Characters: เปลี่ยนรูปถ่ายให้กลายเป็นตัวละครแอนิเมชันที่มีท่าทางและเสียงสมจริง
-
Improved Editing Tools: เพิ่มเครื่องมือตัดต่อใหม่ เช่น AutoCut, AI Clipper, Transcript สำหรับปรับแต่งคอนเทนต์ได้ง่ายขึ้น
-
Multilingual Translations: ระบบแปลหลายภาษาเพื่อขยายการเข้าถึงผู้ชม คล้ายกับระบบ Auto-dubbing ของ YouTube
เรียกว่าการอัปเดตล่าสุดของแคปชันมีทั้ง AI Tools ที่เข้ามาช่วยให้การสร้างสรรค์คอนเทนต์ง่ายขึ้น รวมถึงมี LinkedIn Integration ที่ช่วยให้แชร์คอนเทนต์ไปยัง LinkedIn ได้สะดวกกว่าเดิม แถมยังสามารถเข้าถึงฐานคนดูกลุ่มใหม่ได้อีกด้วย
ที่มา: SocialMediaToday
ภาพจาก: Lindsey Gamble