
Meta ได้ประกาศอัปเดตตัวเลือกใหม่ที่จะช่วยปูทางให้แบรนด์สามารถมีพาร์ตเนอร์ชิปในการทำโฆษณามากขึ้น รวมถึงการพัฒนาประสิทธิภาพการโปรโมตโฆษณาหรือแคมเปญด้วยอินไซต์จากกลุ่มเป้าหมายง่ายขึ้นด้วย Partnership Ads API บน Ads Manager แบบใหม่ โดยจะทำได้ทั้งกับ Facebook และ Instagram
นี่จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้เหล่านักโฆษณาและแบรนด์ได้ใกล้ชิดกับคอนเน็กชันของวงการครีเอเตอร์มากขึ้น เริ่มจาก Facebook Partnership Ads API ที่สามารถระบุคอนเทนต์จากครีเอเตอร์ที่พร้อมนำไปใช้เป็นโฆษณาแบบพาร์ตเนอร์กับแบรนด์ได้
นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนคอนเทนต์แบรนด์ให้เป็นโฆษณาแบบพาร์ตเนอร์กับครีเอเตอร์ได้ด้วย เพราะมีฟีเจอร์อย่าง Creator Discovery API ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ โดยช่วยให้เอเจนซีและแบรนด์ระบุคอมมูนิตี้ของครีเอเตอร์ที่แตกต่างกันไปตามประเภทคอนเทนต์บน Facebook เลย
เพราะต่อไปจะมีการขยายสมบัติของครีเอเตอร์ที่สามารถเข้าร่วมโฆษณาแบบพาร์ตเนอร์กับแบรนด์ได้ โดยเพิ่มโปรไฟล์โหมดมืออาชีพนอกเหนือจากโปรไฟล์เพจปกติ ซึ่งตอนนี้มีครีเอเตอร์ที่เข้าเกณฑ์และเป็นแอ็กทีฟยูสเซอร์ภายใน 18 เดือนแรกมากกว่า 100 ล้านยูสเซอร์ต่อวัน
อีกทั้ง Facebook กำลังพัฒนา Content Permission บน Facebook เพื่อให้ครีเอเตอร์สามารถสร้าง Branded Content และแท็กพาร์ตเนอร์ในคอนเทนต์ที่คอลแลบกับแบรนด์ได้เลย ซึ่งจะเพิ่มทั้งโอกาสในการเชื่อมโยงคอมมูนิตี้ของแบรนด์และครีเอเตอร์มากขึ้น
เนื่องจากในตอนนี้ครีเอเตอร์กลายเป็นศูนย์กลางของคอนเทนต์และความหลากหลายทางวัฒนธรรม พร้อมเป็นอิทธิพลใหม่ ๆ ช่วยไดร์ฟความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์มากถึง 76% และผู้บริโภคยุคใหม่อย่าง Gen Z ก็ให้ความเชื่อใจคอนเทนต์ที่มีครีเอเตอร์มากถึง 71% อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมี Creator Testimonials สำหรับ Partner Ads ให้นักการตลาดและแบรนด์เพิ่มประสิทธิภาพในการทำโฆษณาและแคมเปญแบบมีการรับรองว่าเป็นโปรดักต์ที่มีคุณภาพและได้รับการดันยอดเอนเกจเมนต์จากแพลตฟอร์มไปสู่เว็บไซต์อื่น ๆ
ที่เพิ่ม 7.5% สำหรับ Offsite Conversion Rate และ 9.6% ของ Off-site Click-Through Rate เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยจากแคมเปญปกติ แต่ทั้งแบรนด์และครีเอเตอร์จะต้องเป็น Professional Account เพื่อใช้ Partnership Ads ได้