ก่อนหน้านี้ ทีมงาน RAiNMAKER ได้เคยนำเสนอประเด็น Twitter ไล่เก็บบัญชีที่พบว่ามีการสมัครเข้ามาใช้งานก่อนอายุ 13 ปี ซึ่งผู้เขียนก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกวาดล้างในครั้งนี้ด้วย แม้ว่าผู้ใช้งานบางส่วนจะสามารถกู้บัญชีกลับมาได้ แต่บัญชีของผู้เขียนนั้นก็ยังไม่กลับมา นับว่าเป็นอีกหนึ่งในนโยบายจากทางสหรัฐอเมริกาที่บอกว่า ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียควรมีอายุมากกว่า 13 ปี ซึ่งทาง Twitter ก็ได้นำมาปฏิบัติตาม
ช่วงนี้ถือเป็นยุคเปลี่ยนผ่านสื่อในไทยอย่างแท้จริง แต่ไม่ค่อยเห็นงานวิจัยหรือการทำรายงานสรุปที่ออกมาให้เราเห็นภาพอย่างชัดเจนเท่าไหร่ ล่าสุดมีรายงานสรุปสถานการณ์สื่อจาก Infoquest ที่ปกติก็ทำรายงานออกมาทุกปี ตอนนี้เปิดให้โหลดไปอ่านได้ฟรีๆ ความยาวมากกว่า 60 หน้า !! – เนื้อหาภายใน สรุปไว้ค่อยข้างดี ทุกกลุ่มสื่อในไทย – สถานการณ์สื่อดั้งเดิม ทั้งทีวี, วิทยุ, หนังสือพิมพ์ – สรุปสถิติยอดการซื้อ Media, จัดอันดับนิตยสารขายดี, ยอดพิมพ์นสพ.แต่ละฉบับ – มีบทสัมภาษณ์ผู้บริหารสื่อออนไลน์ใหม่ เช่น THE STANDARD, Mango Zero, The Cloud ทีมงานพบว่าเนื้อหาน่าสนใจ และเหมาะสำหรับเก็บไว้เป็น Reference ทั้งของแบรนด์และเอเจนซี่ รวมถึงคนในแวดวงสื่อ เพื่อดูภาพรวมของทั้งประเทศได้ แถมโหลดฟรีด้วยจ้า เอามาแนะนำกัน ไม่ได้ค่าโฆษณาแต่อย่างใด โหลดเลย -> https://blog.infoquest.co.th/iqmedialink/free-download-thailand-media-landscape-2018/
ถ้าใครอยู่ในวงการดิจิทัลลึกๆ หน่อย จะได้ยินข่าวที่ค่อนข้างน่าตกใจ ว่าด้วยทีมงาน Thoth Zocial OBVOC ลาออกกันรัวๆ ตั้งแต่พนักงานยันระดับผู้บริหาร ซึ่งในเวลาต่อมาก็ได้ประกาศว่าความจริงแล้วเค้ารีแบรนด์ใหม่เป็น WISESIGHT (ไวซ์ไซท์) ต่างหาก โธ่วววว
เป็นข่าวออกมากันเรื่อย ๆ เรื่องของการที่ Publisher หันไปใช้งานช่องทางบน Instagram แล้วเกิดผลดี ๆ ตามมาไม่ว่าจะเป็น มี Traffic เข้าเว็บมากขึ้น, มีผู้ติดตามเยอะกว่าบน Social Network อื่น ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ทีมงาน RAiNMAKER เคยวิเคราะห์ว่ารูปแบบ Social Network แบบ Instagram ที่เป็นลักษณะ Private Social Network หรือสังคมออนไลน์เฉพาะในกลุ่มเพื่อนกำลังจะกลายเป็นที่นิยม รวมถึงรูปแบบของคอนเทนต์อย่าง Story และวิดีโอแนวตั้ง ก็กำลังจะเป็นเทรนที่มาแรงเนื่องจากเหมาะสมกับการแสดงบนหน้าจอมือถือ
ถ้าพูดถึงประเภทของเนื้อหาวิดีโอที่มีแนวโน้มไวรัลสูงบนโลกโซเชียล หนึ่งในนั้นจะต้องมีคลิปกดสิวอย่างแน่นอน เป็นวิดีโอประเภทที่ทำให้เราหยุดไถฟีดและกดดูกันบ่อยมาก
เรียกได้ว่าปีนี้เป็นปีซวยของ Facebook มากจริง ๆ (และผู้เขียนก็ขึ้นต้นข่าวด้วยข้อความนี้มาหลาบรอบแล้ว) หลังจากที่ Facebook ได้ทำข้อมูลบัญชีผู้ใช้งานหลุดในกรณีของ Cambridge Analytica นั้น Facebook ก็ยังคงมีข่าวด้านลบตามมาเรื่อย ๆ และหลายอย่างเป็นปัญหาเดิม ๆ คือด้านข้อมูลผู้ใช้งานที่ Developer สามารถดึงออกมาได้ผ่าน App บน Facebook
ถ้ายังจำกันได้ เมื่อหลายเดือนก่อนที่ทางพี่มาร์คขึ้นศาล อันเป็นที่มาของการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ให้มีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการลงโฆษณาที่ใช้ข้อมูลจากผู้ใช้ Facebook เป็นพื้นฐานในการเลือกว่าโฆษณาจะถูกส่งไปยังใครบ้าง
ใครที่เล่น Twitter ก็จะรู้ว่า Twitter มีฟีเจอร์ให้เราเลือก Mute Hashtag ที่เราไม่อยากจะเห็นได้ นั่นทำให้เราสามารถเลือกที่จะควบคุมสิ่งที่เราจะเห็นบนหน้า Feed ได้ตามที่เราต้องการ ล่าสุด Facebook ก็ได้ออกฟีเจอร์ใหม่ในชื่อว่า Keyword Snooze โดยฟีเจอร์นี้จะช่วยให้เราสามารถเพิ่ม Keyword หรือคำ ที่เราไม่ต้องการจะเห็น จากนั้น Facebook จะไม่นำโพสต์ที่มีคำเหล่านี้มาแสดงในหน้า Feed
จากรายงานของ Digiday ซึ่งอ้างอิงคำของคุณ Mark Thompson ตำแหน่ง CEO ของ New York Times ที่เขากล่าวถึง Trend ของโซเชียลในปีนี้ว่า Google ก็กำลังดีขึ้น ส่วน Twitter ก็กำลังถึงจุดพีค แต่ปัญหากับอยู่ที่ Facebook ที่ทำให้ Journalism อยู่ยากขึ้น
ก่อนหน้านี้ได้มีข่าว ภาพหลุดเครื่องมือที่ Facebook จะเปิดให้แบรนด์ใช้ในการค้นหา influencer เพื่อมาร่วมทำ Branded Content กับแบรนด์มาซักพักแล้ว แต่ล่าสุด Facebook ก็มาทำการเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบกับ Brand Collabs Manager ซึ่งก็ตามที่เคยมีข่าวมาว่า Facebook กำลังพยายามจับคู่ Influencer กับ Brand ให้มาทำคอนเทนต์ร่วมกันได้อย่างง่ายขึ้น
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
