ในปี 2025 ที่เรียกได้ว่าเป็นการเริ่มต้นปีทองของ AI ที่จะมาพลิกโฉมในหลากหลายแวดวง เพราะเทคโนโลยีนี้กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และส่งผลไปทั่วโลก ซึ่งถ้าพูดถึง AI ทุกคนคงนึกถึง ChatGPT และ Gemini เป็นอันดับต้น ๆ แต่ AI Chatbot AI ทั้ง 2 ตัวก็มีความแตกต่าง และเหมาะสมกับการทำงาน รวมถึงความชอบของผู้ใช้ที่แตกต่างกัน
โดย ChatGPT มีผู้ใช้งานถึง 400 ล้านครั้งต่อสัปดาห์ เป็นโมเดลที่พัฒนาโดย OpenAI จากการเรียนรู้จากโลกอินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถตอบคำถามได้อย่างเป็นธรรมชาติ และครอบคลุมทุกประเด็น รวมถึงโดดเด่นในด้านการสร้างสรรค์อีกด้วย
ส่วน Gemini หรือชื่อเดิม คือ Google Bard ถึงจะไม่เคยเผยข้อมูลผู้ใช้งานออกมา แต่ Google ก็ตั้งเป้าว่าจะต้องมีผู้ใช้งาน 500 ล้านคนภายในสิ้นปี 2025 ซึ่ง AI ตัวนี้จะโดดเด่นด้านการทำงานร่วมกับข้อมูลจาก Google ทำให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้รับข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน
เห็นได้ว่า AI แต่ละตัวก็มีข้อดีแตกต่างกัน และตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้ที่แตกต่างกัน วันนี้ RAiNMaker ได้รวบรวมฟีเจอร์ทั้งเก่า และใหม่ในปี 2025 บน AI Chatbot ของ ChatGPT และ Gemini จะโดดเด่น รวมถึงมีฟีเจอร์อะไรบ้าง มาดูกันเลย!
Model
- ChatGPT: GPT- 4o
- Gemini: Gemini 1.5 Pro
Research
- ChatGPT: โมเดลฝึกฝนจาก OpenAI ซึ่งเป็นข้อมูลชุดใหญ่จากอินเทอร์เน็ต และมีการแสดงผลลัพธ์ในการค้นหาแบบฝังลิงก์ แต่อาจจะมีข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลปัจจุบัน
- Gemini: ได้รับการฝึกฝนบนข้อมูลชุดใหญ่จาก Google ทำให้สามารถใช้ฐานข้อมูลจาก Google Search อย่างแม่นยำ และประมวลผลข้อมูลล่าสุดที่เป็นปัจจุบันได้ดี
Translate
- ChatGPT: รองรับหลายภาษา และสามารถแปลภาษาสากลออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ยังไม่แม่นยำในบางภาษาที่มีลักษณะเฉพาะมาก
- Gemini: เข้าใจภาษาที่ซับซ้อน และแปลได้หลากหลายภาษามากกว่า เพราะมีการใช้ข้อมูลจาก Google Translate
Image
- ChatGPT: ใช้ DALL-E ในการสร้างภาพ AI โดยสามารถเจนจากข้อความ (Text-to-Image) และสามารถแก้ไขภาพเพิ่มเติมได้ แต่ในแบบฟรียังจำกัดที่คำว่าทดลองเพียง 2 ภาพต่อวันเท่านั้น ซึ่งผู้ใช้ยังเจอปัญหาสะกดคำผิดในรูปภาพ
- Gemini: มีโมเดล Google DeepMind สำหรับใช้ Imagen 2 ในการเจนภาพจากข้อความได้ไม่จำกัด แต่ไม่สามารถเจนภาพมนุษย์ได้ในแพ็กเกจแบบฟรี ข้อความในรูปภาพมีความแม่นยำมากกว่า และสร้างสติกเกอร์จาก AI บน Google Messages ได้
Video
- ChatGPT: เชื่อมต่อกับ CapCut เพื่อใช้ AI ในการตัดต่อวิดีโอ และสร้างวิดีโอจากคำสั่ง (Text-to-Video) โดยสามารถแนะนำเทคนิคในการตัดต่อ และสร้างเทมเพลตด้วย AI รวมถึงสามารถใส่ซับอัตโนมัติผ่าน CapCut ได้
- Gemini: ใช้ Google Veo (กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา) เพื่อช่วยตัดต่อบน Google Photos และ YouTube Shorts นอกจากนี้ AI ยังสามารถสร้างซับอัตโนมัติบน YouTube อีกด้วย
Writing
- ChatGPT: มีโครงสร้างเนื้อหาที่ชัดเจน และเขียนคอนเทนต์ที่ดูเป็นธรรมชาติที่ต้องการอารมณ์ร่วม โดยสามารถเลือกโทนเสียงที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายได้ นอกจากนี้ยังเหมาะกับการเขียนเชิงสร้างสรรค์ เช่น เรื่องสั้นได้ดี
- Gemini: ใช้ภาษาที่เป็นทางการมากกว่า และเน้นที่ความถูกต้องของข้อมูล โดยอ้างอิงจาก Google Search ทำให้สามารถเขียนบทความเชิงตรรกะ และเอกสารที่ต้องการความน่าเชื่อถือทางวิชาการได้มากกว่า
SEO
- ChatGPT: เน้นการดึงข้อมูลมาจากอินเทอร์เน็ต เพื่อสร้าง Keyword อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ต้องติดตั้งเครื่องมือเสริมใน ChatGPT เช่น Ahrefs, SEMrush โดยจะได้คำค้นหาที่กว้างกว่า นอกจากนี้ยังสามารถเขียนบทความแทรก Keyword สำหรับการทำ SEO ที่เป็นธรรมชาติ และดึงดูดผู้อ่าน
- Gemini: นำเสนอ Keyword ที่มาจากพฤติกรรมค้นหาจริง โดยใช้ข้อมูลจาก Google Search Console, Google Trends และ Google Ads ในการเจน Keyword ทำให้ได้คำที่แม่นยำกับพฤติกรรมการค้นหาบน Google ซึ่งเหมาะกับการทำคอนเทนต์ให้ตรงตามอัลกอรึทึมของ Google นั่นเอง
Coding
- ChatGPT: รองรับหลายภาษา เช่น Python, JavaScript, HTML และช่วยตรวจสอบการ Debug เพื่ออธิบายการทำงานของ Code รวมถึงแก้ไขอย่างแม่นยำ
- Gemini: รองรับหลายภาษาแต่เน้นที่ Python และ AI Development ร่วมกับการทำงานบน Google Cloud Platform เพื่อพัฒนาแอปพลิเคชันบน Cloud ต่อไป
Reasoning and Decision making
- ChatGPT: ให้เหตุผลทางภาษา และคณิตศาสตร์ได้ดี รวมถึงสามารถ Bussiness Frame เช่น SWOT และ PESTEL เพื่อวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ รวมถึงไอเดียทางธุรกิจ นอกจากนี้ยังสามารถแยกมุมมองเพื่อคาดการณ์สถานการณ์ที่หลากหลาย
- Gemini: ให้เหตุผลที่เป็นข้อเท็จจริง และวิเคราะห์แนวโน้มทางธุรกิจได้จากตลาดปัจจุบัน ซึ่งจะสามารถนำเสนอสถิติ รวมถึงตัวเลขได้อย่างแม่นยำ
Tools
- ChatGPT: รองรับการทำงานบน Canva, Zapier, CapCut และทำงานร่วมกับ Microsoft ซึ่งจะโดดเด่นในการใช้เครื่องมือในการทำคอนเทนต์
- Gemini: ออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันต่าง ๆ ของ Google เช่น Google Workspace, Google Cloud, Google Docs, Gmail และการทำงานบนอุปกรณ์ Android ร่วมกับ Google Assistant ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Google ได้ง่าย
Document
- ChatGPT: สรุปเอกสาร และเนื้อหายาว ๆ ได้ดี เนื่องจาก ChatGPT สามารถโยนไฟล์นามสกุล PDF และ CSV เพื่อให้ AI ประมวลผลวิเคราะห์ข้อมูลได้
- Gemini: แนบไฟล์ หรือเลือกจาก Google Drive ได้แต่อาจไม่แม่นยำเท่าการวิเคราะห์เอกสารบน Google Workspace ที่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า
Voice Search
- ChatGPT: สนทนาโต้ตอบได้เสมือนจริง เหมาะกับการเรียนภาษา และช่วยอ่านบทความ โดยสามารถพูดได้ต่อเนื่องไม่ต้องกดซ้ำ ทำให้รู้สึกเป็นธรรมชาติ
- Gemini: เน้นที่การใช้เสียงเพื่อค้นหาข้อมูลแบบรวดเร็ว และสั่งงานอุปกรณ์ของ Google เพื่อเป็น Voice Assistant บนโทรศัพท์ แต่ข้อเสียคือต้องพูดทีละคำสั่ง เพื่อรอให้ AI ตอบกลับ
Price
- ChatGPT: ChatGPT Plus มีค่าบริการเดือนละ 720 บาท และแพ็กเกจสำหรับทีม รวมถึงองค์กรขนาดใหญ่ในราคาต่าง ๆ
- Gemini: สมัครผ่านบริการ Google One AI Premium เดือนละ 750 บาท มาพร้อมกับพื้นที่เก็บข้อมูล 2 TB และใช้บริการต่าง ๆ ของ Google ฟรี
โดยเราได้ทดลองถาม AI ทั้ง 2 ตัวได้คำตอบว่า Gemini ค่อนข้างเน้นย้ำข้อดี และใช้คำว่า ChatGPT อาจจะทำได้ไม่ดีเท่า แต่ในขณะเดียวกัน ChatGPT ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่าไม่สามารถทำได้ แถมยังแนะนำให้ไปใช้โมเดลอื่น ๆ เพื่อให้ผู้ใช้ได้ประโยชน์สูงสุด
แต่อย่างไรก็ตามการใช้ AI ขึ้นอยู่กับการป้อนคำสั่งเพื่อให้ AI เกิดการเรียนรู้ในคำถามที่เราต้องการ ดังนั้นผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นคำตอบ ก็อาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องทดลองใช้ เพื่อให้ทราบว่า AI ตัวไหนตอบโจทย์เรามากที่สุด
นอกจากการใช้ AI สำหรับการทำงาน และค้นหาทางวิชาการแล้ว AI ยังสามารถขอคำแนะนำเชิงสุขภาพจิต ดูดวง หรือแม้แต่ความสัมพันธ์ เรียกได้ว่าเป็นที่ปรึกษาทางใจ และเพื่อนคู่คิดคนสำคัญสำหรับหลาย ๆ คนไปแล้ว ซึ่งตอนนี้ AI ก็มีความเป็นมนุษย์มากขึ้น รวมถึงตอบสนองอารมณ์เป็นอย่างดี จึงไม่แปลกที่จะได้รับความนิยมในปัจจุบัน