
ดูเหมือน Instagram ได้ทดสอบฟีเจอร์นี้มาสักพักแล้ว จนถึงเวลาที่จะได้คอนเฟิร์มว่า ‘Performance Metrics’ จะถูกอัปเดตในแท็บ ‘Insights’ เพื่อไกด์ให้ได้มากขึ้นว่าคอนเทนต์หรือคลิป Reels แบบไหนที่ถูกใจกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด หรือมีการกดถูกใจคลิปตอนไหนระหว่างที่เล่นวิดีโอด้วย
ซึ่งเรียกได้ว่าฟีเจอร์ Performance Metrics นั้นคล้ายกับ Audience Retention ของ YouTube ด้วย เพราะสามารถดูอินไซต์การมีส่วนร่วมผ่านยอดเอนเกจเมนต์และยอด Retention ของคลิปได้ แต่ Instagram จะเพิ่มการดูอินไซต์จากช่วงเวลาการดูโพสต์ซ้ำ และช่วงที่กดถูกใจเข้ามา

และไม่ใช่แค่อินไซต์ของคอนเทนต์แบบ Reels เท่านั้น เพราะโพสต์แบบ Carousel ก็สามารถดูอินไซต์ได้ลึกขึ้นเช่นกัน ว่ากลุ่มเป้าหมายหรือผู้ติดตามมีการกดไลก์ภาพไหนในโพสต์แบบ Carousel มากที่สุด เหมือนกับการอัปเดตอินไซต์การมีส่วนร่วมแบบ Data-driven มากขึ้น
นอกจากนี้ Instagram ยังเพิ่ม ‘Post-level Demographic Data’ เพื่อเข้าใจอินไซต์ของกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นอายุของกลุ่มเป้าหมายที่มากดถูกใจโพสต์หรือ Reels ไปจนถึงความสนใจแบบเฉพาะเจาะจง ที่จะช่วยให้ครีเอเตอร์หรือแบรนด์รู้ได้ว่าควรต้องปรับคอนเทนต์ให้น่าดึงดูดเพิ่มขึ้นอย่างไรบ้าง

ซึ่งจุดที่สำคัญที่สุดสำหรับยอดเอนเกจเมนต์ของ Reels อย่าง ‘Views’ ก็จะมีการวิเคราะห์อินไซต์มากขึ้น โดยจะมาแทนตัวชี้วัดจากกราฟจำนวนแอ็กเคานท์ที่เข้ามารับชมคอนเทนต์แบบเดิม จึงเป็นเหตุผลให้ Instagram ประกาศเพิ่มให้ Views กลายเป็นตัวชี้วัดหลักสำหรับโพสต์, วิดีโอ และ Stories
โดยสรุปแล้วตัวชี้วัดใหม่เหล่านี้จะก็จะมีผลต่อการแสดงอินไซต์ และปรับเปลี่ยนคอนเทนต์ไปตามความสนใจของกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งก็คุ้มค่าที่ Instagram กำลังพยายามที่จะยกเลิกองค์ประกอบตัวชี้วัดเก่า ๆ รวมถึง Instagram Analytics แบบเดิมด้วย