ClubhouseSocial

Avatar

doyoumind March 11, 2021

สรุปประเด็นจาก iCreator Clubhouse : คุยกับ “นัดเป็ด, บ้านกูเอง” คอนเทนต์ต้องปัง แต่พังเพราะ..?

กลับมาอีกครั้งกับ iCreator Clubhouse ที่มาในประเด็น “คอนเทนต์ต้องปัง แต่พังเพราะ..?” พร้อมชวนเจ้าของเพจเฟซบุ๊กอย่าง คุณนัด-ธนิษฐ์ เจียรสวัสดิ์วัฒนา เจ้าของเพจ นัดเป็ด การ์ตูนช่องชื่อดัง และคุณนอท-สัณหณัฐ ทิราชีพ เจ้าของเพจสุดฮาจากเพจ บ้านกูเอง มาพูดคุยเกี่ยวกับการทำคอนเทนต์ รวมถึงประสบการณ์ที่ผ่านการทำคอนเทนต์ที่เคยพังมาก่อน กว่าจะแมสต้องผ่านอะไรกันมาบ้าง

เรียกได้ว่าได้รู้ตั้งแต่กระบวนการทำงาน เบื้องหลังความสำเร็จ และความผิดพลาดในการทำคอนเทนต์ที่ทั้งสองเคยผ่านมา พร้อมกับแชร์ทริกในการทำงานสายครีเอเตอร์ที่เป็นประโยชน์สำหรับคนที่อยากจะเปิดเพจ หรือกำลังดูแลเพจเฟซบุ๊กอยู่มากๆ ส่วนจะมีประเด็นอะไรสำคัญบ้างนั้น วันนี้ RAiNMaker ได้สรุปมาให้แบบละเอียดพร้อมนำไปใช้เลยล่ะค่ะ!

กระบวนการทำคอนเทนต์?

  • กระบวนการทำคอนเทนต์นัดเป็ด ตัวสตอรีจะคิดถึงมุมสนุกที่ทำให้ยิ้มได้และเล่าเรื่องในชีวิตประจำวัน เอามาต่อยอดเป็นมุกตลก
  • ทำเพจเกี่ยวกับการเล่นมุกตลก พอคิดมุกได้ก็ดูว่าคนอื่นเข้าใจและตลกกับมุกนั้นมั้ย  ไม่ใช่ตลกอยู่คนเดียว ลองเอาไปเล่าให้เพื่อนๆ ฟังก่อน ถ้าคนอื่นๆ ตลกกันก็จะเริ่มวาดแล้วทำลงเพจเลย
  • เคยพังมาเยอะเพราะความมีอีโก้ของตัวเอง คิดว่ามุกตลกของเราตลกมาก แต่จริงๆ แล้วลูกเพจไม่เข้าใจ
  • ถึงจะทำเพจเล่นมุกตลก แต่ก็มีวันที่เงียบ อยู่แต่บ้านดูแต่เน็ตฟลิกซ์ เมื่อไม่ได้ออกไปใช้ชีวิตตัวเองก็จะอนุมานชีวิตของตัวละครในหนังแทน ส่วนมากจะดูเป็นหนังที่ Based on true story ให้มีเนื้อเรื่องที่ยังใช้ในชีวิตประจำวันได้ เพื่อจดเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาเป็นมุก กดปุ่ม Pause เพื่อจดมุกใส่โทรศัพท์
  • นอทเกิดจากการตั้งคำถามว่าทำไมสังคมชอบบอกว่าสิ่งนี้ทำได้-ไม่ได้ เลยลองจากเลยเป็นการสร้างคาแร็กเตอร์ขึ้นมาเพื่อทดสอบกับสังคมว่าทำไมเราถึงทำแบบนี้ไม่ได้ และลองในทิศทางต่างๆ
  • ไอเดียการตั้งโพลให้คนช่วยแต่งตัวให้ของเพจบ้านกูเอง เป็นช่วงเกาะกระแส ถ้าอะไรกำลังมาเราต้องลงไปจับก่อน เนื่องจากตอนนั้นมีซีรีส์เรื่องนึงในเน็ตฟลิกซ์ที่ให้ผู้ชมสามารถเลือกทางเลือกให้กับตัวละครได้ เลยเกิดความคิดว่าน่าจะเอามาให้คนอื่นช่วยเลือกชอยส์ในชีวิตจริงบ้างจะเป็นยังไง
  • แต่จริงๆ ในการทำงานของนอทได้คิดวางแผนเขียนบทมาก่อนทั้งหมดแล้ว ดังนั้นจะไม่ใช่เป็นผลโหวตจริงทั้งหมด วางแผนว่าเลือกตัวเลือกนี้แล้วจะได้ตอนจบแบบไหน มีต้นกลางจบของทุกแพลตฟอร์มเสมอ
  • คิดแผนงานเป็นภาพตั้งแต่ต้นกลางจบ วางเป็นเฟรม คิดว่า Punch line จะอยู่ตรงไหน
  • กระบวนการทำงานลูกค้า คือ ลูกค้าจะส่ง Messages และตัวผลิตภัณฑ์มา เพื่อบอกว่าสินค้าต้องการสื่อสารอะไรออกไปถึงกลุ่มเป้าหมาย แล้วเอามาเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เพื่อตีความเมสเสจนั้นออกมา
  • วางแผนการทำคอนเทนต์แล้วไม่ออกมาตามแผนที่คิด นัดเมื่อก่อนเป็นคนที่ต้องวางแผนว่าวันนึงจะทำอะไรบ้าง พอเริ่มมาทำเพจก็วางแผนแนวทางการเขียนคอนเทนต์ ประเภท จำนวน ระยะเวลาในการโพสต์ วางแผนเวลาคุยงานกับลูกค้าไว้เป๊ะ แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่คิด มันเป็นปัจจัยค่อนข้างกว้างมาก
  • เคยวางแผนจะเล่นมุกตลกให้เข้าถึงคนทั่วไป แต่สุดท้ายก็ไปเล่นมุกเฉพาะกลุ่ม เคยวางว่าจะวาด 3-4 คอนเทนต์ลงเพจ ก็กลายเป็นวาดไม่ไหว เหลือแค่วันละ 2 คอนเทนต์ วางแผนจะทำงานลูกค้าในแนวทางของตัวเอง แต่พอมาดูโลกของความเป็นจริงก็รู้ว่าต้องคนละครึ่งทางกับลูกค้า เป็นต้น

เคยมีคอนเทนต์ที่พังบ้างมั้ย?

  • ช่วงทำเพจนัดเป็ดตอนแรกเคยพังมาบ่อย เพราะเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เป็นช่วงที่มีอีโก้เยอะ ตอนที่เพจยังไม่มียอดผู้ติดตามเยอะมากก็จะต่างกับตอนนี้ พอเริ่มทำไปเรื่อยๆ ก็จะทำให้ตัวเองเริ่มคิดว่าเราก็มีของเหมือนกัน แล้วเราจะเริ่มกังวลถึงปัจจัยรอบนอกน้อยลง ตั้งอีโก้กับตัวเองมากขึ้น
  • แต่ตอนหลังก็กู้ตัวเองกลับมาได้ โดยการสังเกตลูกเพจ ตลาด และปัจจัยภายนอกอื่นๆ มากขึ้น เข้าใจศิลปะของการ Tie-in และการสปอนเซอร์โฆษณา นอกจากนี้ต้องขอบคุณประสบการณ์ทำงานครีเอทีฟที่ทำให้เข้าใจกระบวนการทำงานด้านนี้อยู่แล้วด้วย
  • คนมักเข้าใจว่าการสร้างเพจเหมือนการสร้างบ้านที่ต้องแข็งแกร่ง แต่ความจริงแล้วมันต้องสร้างให้ยืดหยุ่นมากกว่า ไม่ว่าบ้านจะอยู่ในรูปแบบไหน เราก็ต้องอยู่ให้ได้ เพราะเราอยู่ในฟอร์แมตที่ค่อนข้างไม่แน่นอน สามารถเปลี่ยนฟอร์แมตได้เสมอในทุกๆ วัน ถ้าพูดในฐานะคอนเทนต์ครีเอเตอร์เลยคิดว่าแนวคิดหรือ Mindset จะต้องยืดหยุ่นหน่อย
  • เพจบ้านกูเองจะอยู่ที่กองถ่าย ค่อนข้างเป็นโปรดักชันแนวกองโจร บ่อยครั้งเลยจะมีสิ่งที่ไม่เป็นไปตามแผน บางทีเริ่มคิดภาพสถานที่จากที่เคยไปเจอมา แล้วไปถ่ายเลย บางที่ก็อาจเป็นที่ๆ ไม่ใช่สาธารณะและมีเจ้าของ เคยมีถ่ายอยู่ดีๆ แล้วมีคนมาเตือน เลยต้องเปลี่ยนแผนย้ายสถานที่ ณ ตอนนั้นเลย แล้วหาสถานที่ๆ พอจะเข้ากับตอนแรกที่ถ่ายไปได้
  • ปัญหาหลักอยู่ที่ก่อนถ่ายมากกว่า ชอบเขียนเนื้อเรื่องสุดเบอร์ ลูกค้าส่วนใหญ่จะบอกว่าอาจจะแรงไป
  • หรือถ้าลูกค้าไม่โอเค ก็จำเป็นต้องเปลี่ยน ต้องมาตรงกลางให้ลูกค้าเข้าใจ พอส่งอันแรกไปแล้วลูกค้าไม่โอเค ก็ลองสู้ก่อนนิดนึง แต่สุดท้ายลูกค้าไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องถามตัวเองว่าอยากได้เงินจากลูกค้าจริงมั้ย เพราะเวลารับงานมาก็ต้องใส่ใจลูกค้ามากในระดับนึง แต่ถ้าไม่ได้อยากได้เงินลูกค้ามากขนาดนั้น แล้วแนวทางของลูกค้าไปคนละทางกับเราจริงๆ ก็ไม่ต้องรับงานก็ได้
  • หากปรับแนวทางให้เป็นไปตามที่ลูกค้าต้องการแล้วผลออกมา คือ ยอด Engagement ไม่ดี ก็ไม่เป็นไร คิดว่ายังไงเราก็โพสต์ลงเพจทุกวัน งานอื่นก็อาจจะดี งานที่โพสต์ลงเราก็ได้เงิน และลูกค้าได้ผลที่แย่กลับไปก็มาจากทางที่เขาเลือกเอง เพราะเราก็ทำหน้าที่ของเราแล้ว
  • ทางนัดเป็ด เมื่อดีลงานกับลูกค้าจะแบ่งระดับความดื้อออกเป็น 3 ระดับ คือ

ระดับ 1 เมื่อส่งไอเดียไปแล้วลูกค้าไม่เข้าใจ ก็จะให้ AE ส่งอีเมลไปว่าคุณนัดการันตีว่าแนวทางนี้สามารถใช้ได้

ระดับที่ 2 ถ้าลูกค้ายังไม่โอเคอีก จะใช้วิธีการโทรไปคุย เพื่อให้เข้าใจอารมณ์ของมุกมากขึ้นผ่านการอธิบายโดยใช้เสียงประกอบ

ระดับที่ 3 ในกรณีที่ลูกค้าไม่โอเคจริงๆ แต่เราเสียดายไอเดียนี้มากๆ ก็จะลองวาดและส่งดราฟต์ไปให้ดูเลย ส่วนมากพอมาถึงระดับ 3 แล้วก็มักจะได้ แต่ที่ไม่ได้ก็มี ก็ต้องยอมแพ้ไป เพราะลูกค้าอาจจะไม่เข้าใจหรือเราไปคนละแนวทางกับลูกค้าจริงๆ แต่ถ้ารู้ว่างานของเรามันตรง Key Messages จริงๆ ก็จะพอดื้อได้หน่อย

  • เคยทำงานไปเกิน 80% แล้ว เริ่มมีความรู้สึกว่าไม่เวิร์ก เหมือนในสคริปต์ผ่าน ช่วงระหว่างเขียนดราฟต์ก็มีการฟีดแบ็กจากลูกค้าเรื่อยๆ จนแนวทางมันเริ่มเบี้ยว ลองนึกภาพเหมือนการสร้างบ้าน ชั้นแรกคือสคริปต์ ชั้นที่สองคือดราฟต์ และชั้นที่สามคือไฟนอลดราฟต์ เรารับบรีฟมาทำตามสคริปต์ ฐานชั้นแรกแข็งแรงเลย แต่พอเริ่มมีฟีดแบ็กมามันคนละแบบกับสคริปต์ก็เริ่มทำให้ชั้นที่ 1 และ 2 สั่นคลอนเลย พอไปไฟนอลดราฟต์ก็อีกแบบนึง
  • ด้านเพจบ้านกูเอง จะจบที่ Storyline แล้ว ว่าถ้าลูกค้าให้ผ่านมันก็ต้องผ่านตามนั้นเท่านั้น จะไม่มีการแก้นอกเหนือจากนั้นเด็ดขาด จะมีเขียนอยู่ในสัญญา แต่ในส่วนของตัวสตอรีก็จะมีโดนโค่นบ่อยมาก เราก็จะส่งเบอร์ 1 2 3 ไปตามลำดับ ในขั้นตอนการถ่ายก็เคยมีถ่ายออกมาแล้วโดนเปลี่ยนรูป อาจจะไม่ได้ถ่ายใหม่ แต่ให้แก้แคปชัน ซึ่งบางครั้งมันแตกออกจากแนวทางมุกที่เราวางไว้เลย

Q&A

  • วิธีการป้องกันไม่ให้สถานที่ๆ เราใช้ถ่ายทำตามไล่ฟ้องเราทีหลัง คือ ไม่ไปในสถานที่ๆ เขาไม่อนุญาต ต้องดูให้ดี และส่วนใหญ่ต้องติดต่อสถานที่นั้นๆ ก่อนว่าสามารถไปถ่ายทำได้มั้ย
  • ในช่วงแรกที่ทำเพจทุกคนมักจะรู้สึกว่าตัวเองเต็มไปด้วยไอเดีย แต่พอนานเข้าไอเดียก็เริ่มซ้ำ ตันกับมุกเดิมๆ วิธีการทำให้ไอเดียสดใหม่เสมอก็คือการไปเจอคนอื่นๆ รอบตัว เพื่อหาไอเดียใหม่ๆ เพราะบางทีคนอื่นจะเป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนความเป็นคัวตนของเราได้
  • การเสพสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หนัง การ์ตูน อนิเมะ ตลก ก็สามารถนับมาประยุกต์ใช้กับคอนเทนต์ได้เช่นเดียวกัน
  • นอกจากนี้การตั้งโจทย์โดยโยงเข้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นแบบเรียลไทม์ก็ช่วยได้ อาจจะนำเรื่องจากชีวิตประจำวันของตัวเองมาโยงเข้ากับสิ่งที่กำลังเป็นเรียลไทม์ในสังคม เป็นการคิดโจทย์ใหม่ๆ ก็จะทำให้ได้อะไรใหม่ๆ มากขึ้น
  • เพจนัดเป็ดมองว่าหากลูกค้าโยนผลิตภัณฑ์มาให้ช่วยทำคอนเทนต์ขาย โดยที่ให้อิสระในการคิดรูปแบบคอนเทนต์ นับเป็นเรื่องดีของครีเอเตอร์ เนื่องจากสามารถหยิบโอกาสมาใช้ได้มากที่สุด เพราะบางทีอาจเกิดกรณีที่ลูกค้าบรีฟมาแล้วไม่เข้ากับแพลตฟอร์ม หรือแนวทางต่างๆ นั่นเอง
  • ทางด้านของเพจบ้านกูเองบอกว่าลูกค้าจะให้อิสระหรือจะบรีฟมาก็ไม่ต่างกัน มีข้อดีคนละแบบ ถ้าบรีฟมากว้างเราก็จะได้อิสระในการทำงานมากขึ้น แต่ถ้าบรีฟมาแคบก็จะทำให้เรามีกรอบความคิด แต่ในกรณีที่ให้โจทย์มากว้างเกินไปก็จะทำให้การคิดคอนเทนต์ค่อนข้างยากเหมือนกัน ก็ต้องเริ่มจากการค่อยๆ หาจุดเชื่อมโยงเข้าไป จดสิ่งที่เราอย่างทำไปเชื่อมโยงกับสิ่งอื่นๆ รอบตัวดู
  • ทั้งสองเพจยังบอกว่าการเริ่มทำเพจในยุคนี้ ยังคงเริ่มได้อยู่ ถึงแม้ว่าจะมีคู่แข่งเยอะขึ้น แต่ก็มีข้อดีคือทำให้เราสามารถมีแบบอย่างไว้ศึกษาได้ แต่ถึงเริ่มทำช้าก็ดีกว่าไม่ทำ เพราะอาจจะไปเสียดายทีหลังก็ได้
  • ในส่วนของการทำเพจตัวเองให้แตกต่าง และโดดเด่นจากคนอื่น ตอนแรกอาจเริ่มจากการดูว่าผู้คนสนใจเรื่องอะไร ลองเกาะกระแส และใส่ความเป็นตัวเองลงไปบ้าง เมื่อเริ่มมีฐานผู้ติดตามมากขึ้น ก็เริ่มใส่ความเป็นตัวเองเพิ่มเข้าไป
  • นอกจากนี้ยังไม่จำเป็นที่จะต้องกดดันตัวเองหาสิ่งที่ใช่ แต่ลองเปลี่ยนเป็นหาสิ่งที่ไม่ใช่แทน เพื่อที่จะได้ลดความกดดันลง และได้เรียนรู้มากขึ้น พอรู้ว่าอะไรที่ไม่ใช่มากขึ้นเรื่อยๆ ก็เหมือนเราเป็นดินสอที่ได้เหลาตัวเองจนแหลม จนสุดท้ายก็ได้ค้นหาตัวเองเจอในที่สุด

และมีข่าวดีสำหรับใครที่สนใจเกี่ยวกับการทำงานในแวดวงครีเอเตอร์ ทาง TMRW กำลังจะจัดแคมป์อบรมเหล่าครีเอเตอร์ พร้อมกับเหล่าสปีกเกอร์อีก 11 ท่าน ที่เป็นแถวหน้าของแต่ละวงการมาให้ความรู้สำหรับครีเอเตอร์มือใหม่กันอย่างจุใจ ที่สำคัญงานนี้ฟรี! และรับเพียงแค่ 100 คนเท่านั้น ส่วนรายละเอียดอื่นๆ รอติดตามเพิ่มเติมได้ที่ RAiNMaker เร็วๆ นี้

 

Copyright © 2024 RAiNMaker. All rights reserved.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save