ชวนรู้จัก ‘Adobe Experience Platform’ จาก Adobe Summit 2022

เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา Adobe ได้ประกาศนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์ Personalization ให้กับผู้บริโภคได้ในเสี้ยววินาที ซึ่งมีชื่อว่า Adobe Experience Cloud คอยช่วยซัพพอร์ตเศรษฐกิจแบบดิจิทัลเฉพาะบุคคลได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะกับองค์กรที่ต้องเก็บข้อมูลหรืออินไซต์ของลูกค้าไว้มากมาย อย่างที่บอกเอาไว้ในงาน Adobe Summit 2022 ว่า ‘The Digital Economy is bigger than ever’

ประสบการณ์ลูกค้า และ Customer Journey คือสิ่งสำคัญที่ Adobe มองว่าสามารถต่อยอดข้อมูล และอินไซต์เหล่านี้ไปสู่การสร้างหรือนำเสนอคอนเทนต์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมศักยภาพให้กับธุรกิจและองค์กร ให้มีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้งมากขึ้นด้วย

โดย Adobe Experience Cloud จะเป็นเครื่องมือใหม่ที่ทำงานด้วยระบบ AI ที่มีความแม่นยำ และคอยเพิ่มขีดความสามารถให้ธุรกิจและองค์กรรองรับ Customer Journey ในทุกขั้นตอนให้พวกเขาประทับใจด้วยการใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์จาก Adobe’s enterprise grade customer data platform (CDP) และ Adobe Real-Time CDP เพื่อให้การนำเสนอคอนเทนต์ถูกคน และสามารถเชื่อมต่อกับแบรนด์ได้ถูกช่องทางด้วย

Adobe Experience Cloud

เป็นเครื่องมือที่ขับเคลื่อนไปด้วย Adobe Experience Platform ที่มีหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มระดับองค์กร คอยเปลี่ยนข้อมูลให้กลายเป็นโปรไฟล์ลูกค้าที่ครบวงจรแบบเรียลไทม์ โดยนำไปเสนอเป็นประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคลให้กับลูกค้าผ่านแอปพลิเคชัน Adobe Experience Cloud ให้จัดการกับข้อมูลเชิงลึก และปรับแต่งคอนเทนต์ต่าง ๆ ไปใช้งานได้ง่ายมากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์รายได้ และพฤติกรรมของลูกค้า รวมถึงการมีส่วนร่วม นำไปสร้าง Customer Journey ที่เหมาะกับผู้บริโภคของธุรกิจและองค์กรด้วย ซึ่งจะมีการผสมผสานเวิร์กโฟลว์หลายช่องทาง (Cross-cloud) คือ

  • Adobe Creative Cloud 
  • Adobe Document Cloud  
  • Adobe Workfront 
  • Adobe Experience Manager Assets

ซึ่งเวิร์กโฟลว์จะช่วยส่งเสริมให้แบรนด์ต่าง ๆ สร้าง และนำเสนอคอนเทนต์ได้แบบครบวงจร แม้จะทำงานจากที่บ้าน นอกจากนี้ยังสร้างระบบอัตโนมัติสำหรับการเซ็นชื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยผนวกรวมเข้ากับกระบวนการธุรกิจบน Adobe Workfront ด้วย

Personalized Customer Experiences 

การสร้างประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคลกับลูกค้า ทาง Adobe จะคำนึงถึงการเข้าประเด็นเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ตรงที่สุด รวมถึงยังคำนึงถึงความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยต่อสิทธิส่วนบุคคลในข้อมูลของลูกค้า

เพิ่มปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านการสร้างประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคล 

  • เป็นเครื่องมือที่นำเสนอคอนเทนต์เฉพาะบุคคลได้เร็ว
  • เปลี่ยนข้อมูลให้กลายเป็นโปรไฟล์ลูกค้าครบวงจรแบบเรียลไทม์
  • ปรับแต่งประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคลในระบบดิจิทัล

Real-time Customer Data 

เป็นการบูรณาการของ Adobe Real-Time CDP และ Adobe Target เข้าด้วยกัน เลยทำให้แบรนด์ต่าง ๆ สามารถ Personalize ประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคลของผู้บริโภคได้มากขึ้น และแม้จะมีผู้บริโภคกว่าล้านราย แต่เครื่องมือของ Adobe สามารถทำ Digital Journey Personal Scale ภายในเวลาเสี้ยววินาที และปรับแต่งประสบการณ์จากข้อมูลลูกค้าแบบปลอดภัย

Beyond Customer Journey 

  • มีฟีเจอร์ AI ช่วยสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า 

โดยระบบ AI ที่ทำงานผสาน Adobe Experience Cloud คือ Adobe Sensei ที่คอยช่วยให้องค์กรปรับแต่งคอนเทนต์จากอินไซต์ และพฤติกรรมของลูกค้า เพื่อนำไปต่อยอดในการใช้งานได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น ซึ่งมีลูกค้ากว่า 80% ใช้ Adobe Sensei เพื่อขับเคลื่อนประสบการณ์สำหรับลูกค้า

  • Adobe Learning Manager ช่วยรักษาลูกค้า 

ถือเป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้คลาวด์แบบใหม่ของ Adobe ทำให้เรื่องการสร้างประสบการณ์แบบดิจิทัลกับลูกค้าง่ายขึ้น เพราะจะเพิ่มประสิทธิภาพการขาย และให้ความรู้กับลูกค้าควบคู่กัน นำไปสู่การรักษาฐานลูกค้าได้นั่นเอง

  • นำเสนอประสบการณ์แบบ Immersive

ซึ่งจะมีการรวมตัวการรวมตัวกันระหว่าง Adobe Creative Cloud และ Adobe
Experience Cloud เพื่อให้แบรนด์ก้าวเข้าสู่โลก Metaverse ได้ เพราะมีเครื่องมืออย่าง   Adobe Substance 3D Modeler รุ่นเบต้า หรือนวัตกรรมใหม่ สำหรับการสร้างและแชร์ผลงานในรูปแบบ 3D ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม

นอกจากการเปิดตัวถึงนวัตกรรมใหม่ ๆ แล้ว Adobe ยังได้เผยถึงพาร์ทเนอร์ และลูกค้าใหม่ที่เข้ามามีส่วนร่วมกับการใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในการทำธุรกิจด้วย ดังนี้

New Partner of Adobe 

  • OneTrust 
  • FedEx 
  • Walmart 
  • PayPal 
  • The Weather Company  
  • IBM 
  • Anaplan

New Customer of Adobe

  • BMW 
  • Coca-Cola 
  • Dick’s Sporting Goods Epic Games
  • NVIDIA 
  • Real Madrid 
  • TSB Bank 
  • Suncorp 

จะเห็นได้ว่าความสามารถของ Adobe นั้น กำลังพัฒนาและเติบโตไปได้ไกลมากกว่าที่เคย ไม่ว่าจะทั้งด้านเครื่องมือ ความเป็นดิจิทัล และการผนวก AI ในการทำธุรกิจต่าง ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ และปลอดภัยให้กับผู้บริโภคในยุค 5.0 นี้ พบว่ากว่า 75% ของบริษัทชั้นนำที่ติดอันดับ Fortune 100 มีการใช้งาน Adobe Experience Cloud ด้วย

ที่มา: Adobe Summit

 

Copyright © 2024 RAiNMaker. All rights reserved.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save