จบไปแล้วกับเวิร์กชอปคอร์สสุดท้าย “TikTok for Brand & Content Creator” จาก 3 กูรูอย่าง อาตี๋รีวิว, แซม พลสัน และ Khajochi ที่มาปล่อยเต็มที่ตั้งแต่ชวนค้นหาตัวตน ไปจนอัลกอริทึม และการสร้างตัวตนในฐานะแบรนด์ วันนี้ RAiNMaker เลยขอสรุปบทเรียนบางส่วนจากเวิร์กชอปมาฝากกันค่ะ
หลังจากที่เปิดตัว Twitter Blue ไปเมื่อปีก่อน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงฟีเจอร์เอ็กซ์คลูซีฟ เช่น Undo Tweet, Bookmark และ Reader Mode เป็นต้น ล่าสุด Twitter ก็ได้ปรับขึ้นราคาสมาชิกครั้งแรก
Meta ไม่ได้เป็นเพียงแค่แพลตฟอร์มโซเชียลเดียวเท่านั้นที่ก้าวเข้ามาสู่คอนเทนต์วิดีโอสั้น แต่ YouTube ก็มีการกระตุ้นให้ผู้ใช้งานมีตัวเลือกเพิ่มเติมในการตัดคลิปยาวเป็นคลิปสั้นได้เช่นกัน
แม้เมื่อวาน Adam Mosseri ซีอีโอของ Instagram พึ่งจะประกาศ และออกมาชี้แจงถึงเหตุผลที่ Instagram ต้องเปลี่ยนแปลงทั้งหน้าฟีด และการโฟกัสคอนเทนต์วิดีโอ แต่ตอนนี้แอป Instagram จะกลับมาฟังเสียงของผู้ใช้อีกครั้งแล้ว!
จากประเด็นที่มีแคมเปญ ‘Save Instagram’ เรียกร้องใน Charge.org ที่ทุกคนอยากได้ Instagram แบบที่โฟกัสการโพสต์รูปกลับมา และการเรียกร้องฟีด Facebook ที่มีแต่ผู้คนรอบตัวเหมือนเดิม วันนี้ทั้ง Mark Zuckerberg และ Adam Mosseri ได้ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมแล้ว
แม้แพลตฟอร์มอื่น ๆ จะมุ่งไปยังคอนเทนต์วิดีโอมากขึ้น แต่สำหรับ Twitter ก็ยังคงมีเป้าหมายในทางของตัวเอง จากการขยายฐานคอมมูนตี้ให้มากขึ้นเช่นกัน ซึ่งตอนนี้สามารถสร้างคอมมูนิตี้จากแฮชแท็กของตัวเองได้แล้ว
Meta ยังคงหาโอกาสให้ครีเอเตอร์สร้างรายได้อยู่เรื่อย ๆ ครั้งนี้เอาใจครีเอเตอร์สายดนตรีให้สามารถสร้างรายได้จากเพลงผ่านโปรแกรม Music Revenue Sharing ที่สามารถเพิ่มเพลงที่มีลิขสิทธิ์บนคอนเทนต์ของตัวเองได้ โดยผู้ถือลิขสิทธิ์เพลงสามารถรับส่วนแบ่งจากโฆษณาที่เกิดขึ้นภายหลังได้
เมื่อทุก ๆ แพลตฟอร์มต่างก็ปรับให้เหมือน TikTok ไปหมด โดยไม่คำนึงถึงครีเอเตอร์ที่ต้องปรับตัวตามอัลกอริทึมไปด้วย จึงทำให้ Change.org ผุดแคมเปญเรียกร้อง Instagram แบบเก่าที่เน้นรูปภาพคืนมา
Google Meet เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ให้สามารถไลฟ์สตรีมการประชุมบน YouTube ได้แล้ว เพื่อใช้ในการไลฟ์สิ่งที่เป็นสาธารณะให้คนภายนอกองค์กรรับรู้ได้ง่ายขึ้น โดยสามารถใช้งานฟีเจอร์ได้ผ่านแอดมิน Google Workspace และเลือกแชร์ไลฟ์ผ่านบัญชีธุรกิจที่ดูแล ซึ่งต้องเป็นบัญชี YouTube ที่เชื่อมกับ Meet อยู่ก่อนแล้ว
อย่างที่รู้กันดีว่าคอนเทนต์วิดีโอนั้นมาแรง และเน้นให้แพลตฟอร์มเปลี่ยนเป็นคอนเทนต์วิดีโอมากขึ้น Instagram ก็เลยปรับให้หน้าฟีดที่จากเดิมมีทั้งวิดีโอ และ Reels กลายเป็นคลิปทั้งหมดรวมอยู่ใน Reels แทนแล้ว
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
