Social
Twitter กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ คือให้ผู้ใช้สามารถกด follow เรื่องราวที่สนใจ คล้ายกับการกด follow บุคคล สามารถเลือกกดติดตามหัวข้อต่างๆ ตั้งแต่ทีมกีฬาที่ชื่นชอบ, คนดัง, รายการทีวีที่ชอบ, หรือเรื่องที่กำลังเป็นกระแส
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วเราสามารถ Live ลง Twitter ได้ด้วย ซึ่งเหตุผลสำหรับการ Live ลง Twitter นั้นก็เนื่องจากว่า Twitter เป็น Social Media ที่เน้นความไวและสะท้อนเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้น ทำให้เวลามีอะไรที่เป็นกระแส หรือเกิด # อะไรใหม่ ๆ ขึ้นมา เราสามารถใช้ประโยชน์จากความ Active ของคนให้กลายมาเป็นชม Live ของเราได้
Video นั้นเป็น Trend การทำคอนเทนต์ที่มาแรงมาก ๆ ทั้งบน Facebook และ Instgram แล้วก็รวมถึงบน Twitter เองเช่นกัน ซึ่งปฎิเสธไม่ได้ว่าธรรมชาติของวิดีโอแต่ละ Platform ก็จะแตกต่างกันออกไป อย่างบน Instagram เราเคยยกตัวอย่างกรณีที่ Bloomberg ได้รับความนิยมจากการทำวิดีโอบน IG มาให้ดูแล้ว ล่าสุด Twitter ก็ได้ออก Blog ในชื่อว่า How video is reshaping digital advertising พูดถึงการใช้งานวิดีโอในการทำคอนเทนต์โฆษณาต่าง ๆ เผยสถิติที่น่าสนใจ และแถมด้วยคำแนะนำของ Twitter เองว่าทำวิดีโอย่างไรให้ได้ผล
เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีเหตุการณ์ความสูญเสียขึ้นเมื่อมีการก่อการร้ายคือเหตุกราดยิงในมัสยิดเมือง Christchurch ประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บแจะเสียชีวิตจำนวนมาก ข่าวนี้ถูกส่งต่อสู่ชาวโลกอย่างรวดเร็วในยุคที่ Social Media ทำให้เราสามารถรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกฝั่งหนึ่งของโลกได้ในเวลาระดับวินาที ซึ่งสิ่งนี้ก็ได้นำมาซึ่งปัญหาที่ค่อนข้าง Sensitive ในแง่ของภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้นและภาพ, วิดีโอ ที่เป็นที่สะเทือนใจ ทั้งกับคนทั่วไปเองและญาติของผู้ที่สูญเสีย
editorial note: บทความนี้คือบทความพิเศษ (Guest Post) จากผู้เขียนนามว่า RiffleShuffle ถ้าพูดถึงโซเชียลมีเดียที่มาแรงที่สุดในตอนนี้สำหรับคนไทย ไม่น่าจะมีใครฮอตเกินไปกว่าเจ้านกสีฟ้านามว่า Twitter ที่กลายมาเป็นอีกหนึ่งช่องทางหลักในการติดตามข่าวสาร และนำเสนอความคิดเห็นที่เน้นความรวดเร็วฉับไว ทันท่วงทีต่อสถานการณ์ต่างๆ
ก่อนหน้านี้ Twitter ได้ออกมาประกาศ แบนการใช้งาน Bot สำหรับการทวีต ซึ่งมีโอกาสที่จะถูกจัดให้อยู่ในรูปแบบของแสปมและโดนลบบัญชีได้ ซึ่งเชื่อว่า เป็นส่วนสำคัญที่บรรดาเว็บไซต์ที่หวังผลใช้ในการกระจายข่าวปลอมหรือ Fake News ที่ ณ ยุคนี้ ในมุมของ Journalsim และ Information คงไม่มีประเด็นไหนจะร้อนแรงเท่าเรื่องนี้อีกแล้ว ล่าสุดได้มีงานวิจัยจาก Indiana University ชื่อว่า The spread of low-credibility content by social bots ได้ศึกษาพฤติกรรมการแพร่กระจายของ Fake News โดยตั้งคำถามว่า Social Bot (บัญชี Social Media ที่เล่นโดยคอมพิวเตอร์ และถูกเขียนโปรแกรมให้แชร์ หรือโพสต์อะไรบางอย่าง) กับ Fake News นั้นมีความเกี่ยวข้องกันแค่ไหน
ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าจากพฤติกรรมของเราบน Social Media ความเป็นส่วนตัวของเราเรียกได้ว่าแทบจะไม่มี ด้วยข้อมูลส่วนตัวและ data มหาศาลที่เราป้อนเข้าสู้ Social Media อย่าง Facebook, Twitter หรือ Instagram ในแต่ละวัน ทำให้ Facebook แทบจะรู้จักตัวเรามากกว่าตัวเราเองเสียอีก ดังนั้นหลายคนอาจจะคิดว่า ถ้าเราเลิกเล่น Facebook ก็น่าจะรอด Facebook ก็จะไม่รู้จักเราและทำอะไรเราไม่ได้
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า