หลังจากเปิดตัว 03-mini ไปเมื่อสองวันก่อน OpenAI ก็ได้เปิดตัวเครื่องมือใหม่อย่าง ‘Deep Research’ บน ChatGPT เป็นตัวช่วยในการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลจากเว็บไซต์และแหล่งข้อมูลออนไลน์ เพื่อทำรายงานวิจัยในระดับนักวิเคราะห์วิจัย
นอกจากการพิมพ์ถามตอบกับ ChatGPT แล้ว ผู้ใช้ยังสามารถอัปโหลดไฟล์ทั้ง PDF และ Spreadsheet ได้ด้วย โดยจะใช้เวลาระหว่าง 5-30 นาที ในการรวบรวมคำตอบ รวมถึงมีแถบด้านข้างที่แสดงกระบวนการทำงาน และกอ้างอิงแหล่งที่มาแบบเรียลไทม์ได้ ซึ่ง Mark Chen หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ OpenAI กล่าวว่า เป้าหมายสูงสุดคือการพัฒนาระบบให้สามารถค้นพบความรู้ใหม่ด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตาม ChatGPT ยังมีข้อจำกัดในบางเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของความถูกต้อง ที่ยังพบข้อผิดพลาดขณะทำ Deep Research อยู่แม้จะน้อยกว่าโมเดลรุ่นก่อน ๆ ก็ตาม นอกจากนี้ระบบอาจยังแยกแยะระหว่างข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงกับข่าวลือได้ไม่ดีนัก รวมถึงอาจมีข้อผิดพลาดด้านการจัด Format อยู่บ้าง
ฟังถึงตรงนี้หลายคนอาจคุ้นกับ Deep Research นั่นเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ Google Advanced Suite ก็มีฟีเจอร์แบบเดียวกัน ต่างกันตรงที่การใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวบน Google จะต้องสมัครสมาชิก Gemini Advanced ราคา 20 ดอลลาร์ (ประมาณ 682 บาท) ต่อเดือน แต่ในขณะเดียวกันหากจะใช้งาน Deep Research บน ChatGPT ผู้ใช้จะต้องจ่ายค่าสมาชิกถึง 200 ดอลลาร์ (ประมาณ 6,817 บาท) ต่อเดือนเลยทีเดียว
โดย OpenAI ชี้แจงสาเหตุที่ราคา Deep Research บน ChatGPT ค่อนข้างสูง แถมยังมีการจำกัดจำนวนการใช้งานเพียง 100 ครั้งต่อเดือนสำหรับผู้ใช้ Pro ว่าเป็นเพราะต้องใช้พลังประมวลผลสูงมาก และยิ่งการรีเสิร์ชข้อมูลใช้เวลานานเท่าไร ก็ต้องใช้ทรัพยากรประมวลผลมากขึ้นเท่านั้น
นอกจากนี้ OpenAI ยังเผยว่ากำลังพัฒนาเวอร์ชันของ Deep Research ที่ใช้โมเดลที่เล็กลงและคุ้มค่ากว่า ซึ่งจะช่วยเพิ่มโควต้าการใช้งานได้มากขึ้น ซึ่งคาดว่า OpenAI จะเปิดให้ผู้ใช้ ChatGPT Plus ได้ทดลองใช้ในอีกประมาณหนึ่งเดือนหลังจากนี้
ถึงแม้หลังจากจะมีการทดสอบด้านความปลอดภัยเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว ผู้ใช้ในยุโรป รวมถึงสหราชอาณาจักร, สวิตเซอร์แลนด์ และเขตเศรษฐกิจยุโรปจะต้องรอไปก่อน เนื่องจาก Deep Research ยังไม่พร้อมให้บริการในภูมิภาคนี้
ที่มา: Engadget