“ครีเอเตอร์เป็นอาชีพที่มีการลงทุนสูง ต้องใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เพราะมาตรฐานสูงขึ้นเรื่อย ๆ กลายเป็นว่าต้องรับค่าใช้จ่ายคนเดียวทั้งหมด พอไม่มีความรู้เรื่องการตั้งบริษัทก็ต้องจ่ายภาษีเต็มคนเดียว ไม่ได้รับสวัสดิการและประกันสังคม … ถ้า(รัฐ)มีไกด์ไลน์ให้ความรู้เรื่องเหล่านี้ ก็คงดีสำหรับครีเอเตอร์ยุคใหม่”
ประโยคข้างต้นเป็นความในใจของ “อิสระ ฮาตะ” ยูทูบเบอร์ชื่อดังจากช่อง ‘Rubsarb Production’ ซึ่งได้แชร์ความเห็นต่อความท้าทายของคนทำอาชีพครีเอเตอร์ ผ่านวิดีโอสัมภาษณ์โปรเจกต์สุดพิเศษ #Saveครีเอเตอร์Zone ร่วมกับ RAiNMaker
โดยเราได้รวมโควทปัง ๆ จากคุณอิสระ ฮาตะ ทั้งความคิดเห็นเรื่องรัฐและการซัพพอร์ตวงการสร้างสรรค์ การยกระดับคุณภาพงานครีเอเตอร์แบบต่างประเทศที่มีอุปกรณ์ส่วนกลางฟรี แล้วจะเป็นไปได้ไหมที่เราจะมีเครือข่ายสมาคมครีเอเตอร์เพื่อเสนอนโยบายเหล่านี้ในไทย?
นอกจากนั้นแล้ว เรายังชวนพูดคุยกันต่อในเรื่องอุปสรรคของวงการครีเอเตอร์ ภูมิทัศน์ชาวยูทูบเบอร์ที่เป็นคอมมูนิตี้มากขึ้น รวมไปถึงการตีความ Soft Power ไทยแบบใหม่ที่ควรค่าแก่การผลักดันสุด ๆ แต่ Soft Power ที่คุณอิสระมองว่าน่าสนใจจะเป็นอะไรนั้น ต้องทุกคนให้ลองเข้าไปชมกันสักหน่อยแล้ว!
📌 สามารถรับชมได้ทั้งทาง Facebook Page ของ Rainmaker และช่องทาง YouTube คลิกเลยที่ลิงก์นี้! https://fb.watch/m7iFiZG_Bk/
มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปิดฉาก #Saveครีเอเตอร์Zone ซีรีส์คอนเทนต์ที่จะพาทุกคนมาสำรวจปัญหาของวงการครีเอเตอร์ ไขรหัสเทคนิคลับทำคอนเทนต์ให้โกอินเตอร์ และส่องความสำเร็จของประเทศที่มีนโยบายผลักดันครีเอเตอร์กัน เพื่อผลักดันให้เกิด การจัดตั้ง “สมาคมครีเอเตอร์ไทย” ในอนาคตข้างหน้า เพราะเราเชื่อว่าเสียงหนึ่งเสียงของทุกคนสร้างความเปลี่ยนแปลงได้!
“ขอพื้นที่ให้เราได้สำรวจและทดลอง ขอแค่(รัฐ)ไม่เข้ามาขัดขวางก็พอแล้ว”
Soft Power ของไทยที่มาแรงที่สุดตอนนี้คงหนีไม่พ้น “ซีรีส์วาย” ซึ่งคุณอิสระได้แสดงความสนใจว่าซีรีส์วายมีอิทธิพลจนชาวต่างชาติถึงขั้นแต่งชุดนักเรียนไทยตามกันเลยทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น ประเทศเรายังมีวัฒนธรรมย่อย (Subculture) ที่มีมูลค่าอีกมากมาย โดยคุณอิสระมองว่าวัฒนธรรม “เด็กแว๊น” คล้ายคลึงกับวัฒนธรรมชาวฮิปฮอปที่แต่ก่อนโดนต่อต้าน ปัจจุบันก็ได้รับความนิยมไปทั่วโลก
ถ้าเรานำเสนอเรื่องราววัฒนธรรมเฉพาะกลุ่ม (Niche Culture) ที่น่าสนใจในรูปแบบใหม่ได้ ก็อาจสร้างมูลค่าได้มากขึ้นนอกเหนือจากการผลักดัน Soft Power ความเป็นไทยแบบเดิม ๆ อย่างที่รัฐและผู้ใหญ่เข้าใจ
แต่ตอนนี้เราก็ยังมีกำแพงภาษาในการสื่อสาร Soft Power ทำให้ครีเอเตอร์ไทยเติบโตอยู่แค่ภายในประเทศเราเท่านั้น ถ้าหากมีการเริ่มต้นใช้ ‘ภาษาอังกฤษ’ ในการสื่อสารผ่านคอนเทนต์ได้ ก็คงจะพาครีเอเตอร์ไทยเป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติเหมือนวงการซีรีส์วายได้มากขึ้นนั่นเอง
“ไอเดียยังมีได้อีกมากมาย แค่ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายคน อย่างน้อย ๆ ผมมองว่าสมาคมจะช่วยให้กำลังใจครีเอเตอร์ สามารถช่วยรักษามาตรฐาน และยกระดับคอนเทนต์ให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้นได้”
การจัดตั้งสมาคมครีเอเตอร์จะช่วยให้คนในวงการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ มีเสียงดังมากพอที่รัฐจะตอบสนองต่อข้อเสนอที่ร่วมกันเรียกร้องได้
ซึ่งคุณอิสระมองว่าสมาคมไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ขอเพียงแค่มีคนเริ่มจุดประกาย แล้วช่วยกันต่อยอดให้สมาคมเกิดได้จริง และขอเพียงแค่รัฐไม่เข้ามาควบคุมพื้นที่เซฟโซนของเหล่าครีเอเตอร์ก็เพียงพอที่จะพาวงการนี้ไปได้ไกลแล้ว
“ถ้ารัฐมีสวัสดิการด้านอุปกรณ์ให้ครีเอเตอร์ เราคิดว่ามีได้ แต่น่าจะอยู่ในพื้นที่ของเขา เพราะอุปกรณ์แต่ละอย่างก็มีราคาของมัน ซึ่งต้องมีมาตรการในการขอยืมใช้”
จากการพูดคุยในประเด็นสวัสดิการรัฐด้านอุปกรณ์ของครีเอเตอร์ คุณอิสระได้เสนอแนวทางแบบ “หอสมุดกลางของชิคาโก” (Chicago Public Library) ที่มีอุปกรณ์และสตูดิโอส่วนกลางให้ยืม พร้อมคนให้ความรู้เพื่อพัฒนาสกิลความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งที่นั่นได้มีนักร้องฮิปฮอปมาใช้พื้นที่นี้กัน จนปัจจุบันก็ได้เติบโตและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้สวัสดิการของหอสมุดกลางนั่นเอง
ถ้าหากประเทศไทยทำนำโมเดลพื้นที่ส่วนกลางนี้มาปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม คุณอิสระเลยเชื่อว่าจะช่วยยกระดับคุณภาพงานครีเอเตอร์ได้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นการสร้างพื้นที่เครือข่ายให้ครีเอเตอร์รวมตัวกันได้ง่ายขึ้นด้วย
หากใครต้องการสร้างพื้นที่เซฟโซนให้วงการคนทำคอนเทนต์ เพื่อแสดงความสามารถที่มีได้อย่างอิสระล่ะก็ RAiNMaker ขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมเป็นกระบอกเสียงให้ #Saveครีเอเตอร์Zone กันต่อไปในประเด็นการสร้าง “สมาคมครีเอเตอร์ไทย” ที่หวังรวบรวมคนในวงการคอนเทนต์เป็นหนึ่งเดียว และให้มีน้ำหนักเสียงมากพอที่จะผลักดันความต้องการไปถึงภาครัฐ เผื่อสักวันหนึ่งเราอาจมีนโยบายที่โดนใจชาวครีเอเตอร์ได้นะ!
#Saveครีเอเตอร์Zone
