หลังจาก Universal Music Group (UMG) ประกาศเรื่องสัญญาที่ไม่ลงรอยกับ TikTok ทั้งในเรื่องของค่าตอบแทนที่ไม่เหมาะสม และฟีเจอร์ AI สร้างเพลงที่ส่งผลกระทบต่อลิขสิทธิ์และรายได้ของศิลปิน ทำให้ประเด็นนี้จบลงที่ทั้งสองต้องแยกทางกัน ส่งผลให้ Universal Music Group ลบเพลงของศิลปินในสังกัดบน TikTok ออกทั้งหมดเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ซึ่งค่ายยักษ์ใหญ่ระดับนี้ แน่นอนว่าศิลปินแต่ละคนอยู่ในระดับท็อป และเป็นเพลงดังที่ถูกใช้ในเทรนด์ไวรัลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Taylor Swift, The Weeknd, SZA, Drake, Billie Eilish, Harry Styles, Ariana Grande, Justin Bieber, Adele, Olivia Rodrigo และ Nicki Minaj เป็นต้น
เรียกว่าเพลงฮิตที่ใช้กันบน TikTok เกือบทั้งหมดอยู่ภายใต้สังกัด UMG เลยก็ว่าได้ หลายคนอาจสงสัยว่า การที่ศิลปินมีพื้นที่ในการแสดงผลงานเพลง แถมยังได้คนช่วยโปรโมตเพลงบนแพลตฟอร์มฟรี ๆ ผ่านคอนเทนต์ก็เป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่หรอ? นั่นก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ถูก แต่ UMG กลับมองอีกมุมว่า ศิลปินของเขาช่วยให้ TikTok ที่ได้ชื่อว่าเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นและขับเคลื่อนด้วยเพลงเป็นหลักได้มีเพลงดี ๆ จากศิลปินที่สร้างไวรัลมากมายบนแพลตฟอร์ม
เพราะเช่นนั้น UMG จึงอาจมองที่ผลตอบแทนของศิลปินที่อาจดูไม่เหมาะสม โดยเฉพาะที่ UMG อ้างว่าในสัญญาใหม่ที่คุยกัน TikTok ให้ค่าตอบแทนที่น้อยลงกว่าเดิม ถึงแม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะดูได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่ แต่ในเรื่องของธุรกิจและปัจจัยอื่น ๆ คงจะส่งผลให้ต่อการต่อสัญญามากพอสมควร จึงทำให้ผลออกมาอย่างที่เห็น
ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวก็ทำให้เกิดผลกระทบตามมา เนื่องจาก UMG มีค่ายย่อยในเครืออีกมากมาย หมายความว่านอกจากศิลปินให้ค่ายหลักแล้ว เพลงของศิลปินในค่ายลูก ๆ ก็ออกมาประกาศถอนเพลงจาก TikTok เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Hype Train หรือค่ายไทยอย่าง Billkin, PP Krit, SONRAY MUSIC, Ice Paris และ DMD Music และอาจจะมีอีกหลายค่ายตามมา
ที่ยิ่งไปกว่านั้น การเคลื่อนไหวของ UMG ในครั้งนี้ อาจสร้างแรงสั่นสะเทือนไปถึงค่ายเพลงยักษ์ใหญ่อื่น ๆ ให้เริ่มคิดในแบบเดียวกัน และหากค่ายอื่นเริ่มมีความคิดเรียกร้องค่าตอบแทนให้ศิลปินมากขึ้น หรือจะยุติสัญญาตามกันจริง ๆ ถึงเวลานั้นวงการ TikTok คงจะสั่นสะเทือนไม่น้อย
เพราะจากผลสำรวจของ MRC Data พบว่า 75% ของผู้ใช้ TikTok ค้นพบศิลปินใหม่ ๆ หมดแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะจากเทรนด์ไวรัลต่าง ๆ เช่น คลิปเต้น มีม หรือชาเลนจ์ต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของคอนเทนต์บน TikTok เลยก็ว่าได้
แต่ในปัญหาก็ยังพอมีข้อดีอยู่บ้าง หลายคนมองว่าการที่เพลงถูกลบไปอาจทำให้เราได้เห็นความคิดสร้างสรรค์ในการต่อยอดเพลงออกมาเป็นเวอร์ชันใหม่ ๆ มากขึ้น เช่น การนำเพลงมา Cover หรือ Remix ใหม่ในแบบของตัวเอง นอกจากนี้ การที่เพลงจากค่ายใหญ่ถูกลบไป ก็อาจจะเป็นตัวช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้ค้นพบศิลปินหน้าใหม่ที่อยู่บนแพลตฟอร์มมากขึ้นก็ได้
ใด ๆ ก็ตาม ผลกระทบตอนนี้ก็ยังดูเหมือนว่าจะมีผลเสียมากกว่าผลดี แต่ที่น่าสนใจคือ TikTok จะทำอย่างไรต่อไปกับเพลงดังจำนวนมหาศาลที่หายไป และไม่มีให้ใช้บนแพลตฟอร์มอีกแล้ว รวมถึงจะทำอย่างไรให้ค่ายอื่น ๆ ยังคงต่อสัญญาต่อไปนาน ๆ โดยที่ไม่มีปัญหาเหมือนครั้งนี้อีก นี่ก็คงเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของ TikTok ในตอนนี้
ที่มา: The Verge
