Content Marketing

Avatar

Thesky March 3, 2025

รวมเทรนด์ และไฮไลต์จาก ’97th Oscars 2025′ งานรางวัลภาพยนตร์โลก

ในปีนี้นับว่าเป็นปีแห่ง ‘Unpredictable Oscar Year’ ของงานประกาศรางวัลที่ใหญ่ที่สุดของวงการภาพยนตร์ระดับโลกอย่าง ’97th Oscars 2025′ เลยก็ว่าได้ เพราะก่อนหน้านั้นจะมีงานอย่าง ’82nd Golden Globe Awards’ หรืองาน ‘SAG Awards 2025’ ที่พอจะทำให้ผู้ชมเดาผลรางวัลกันไปคร่าว ๆ แต่งานอย่างออสการ์กลับพลิกโผเกินคาดไปอีก!

ซึ่งในปีนี้เวทีออสการ์ก็ยังคงเต็มไปด้วยภาพยนตร์ที่หลากหลายเช่นเคย โดยเฉพาะภาพยนตร์ที่เข้าไปถึงจิตใจ และอารมณ์ความรู้สึกของผู้คนได้มากกว่าทุกปี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคนกลุ่มหนึ่งที่ถูกมองว่าเป็นชายขอบสังคมอย่าง Sex Worker ใน ‘Anora’, กลุ่มนักสถาปัตย์ที่ชอบเสพงานศิลป์เหมือนใน ‘The Brutalist’, กลุ่มที่สะท้อนการเมือง และศรัทธาภายในโบสถ์อย่าง ‘Conclave’ เป็นต้น

และจากผลงานที่ได้เข้าชิงในปีนี้บนเวทีออสการ์ ก็เต็มไปด้วยผลงานที่ผู้สร้างตั้งใจที่จะสร้างโลกใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อเข้าถึงผู้คน ทั้งเรื่องสงคราม การเมือง หรือความแตกต่างทางวัฒนธรรม ที่ถูกเผยแพร่ผ่านภาพยนตร์ ซึ่งในปีนี้ก็มีไฮไลต์ และเทรนด์ที่น่าจับตาต่อไปในการทำคอนเทนต์อยู่ โดย RAiNMaker สรุปมาให้ถึงที่แล้ว!

Diversity The 1st Winners

  • Zoe Saldaña (American of Dominican Descent)

โซอี ซัลดานา นักแสดงหญิงมากความสามารถที่หลาย ๆ คนน่าจะจำเธอได้ดีจากบทของ ‘กาโมรา’ ในเรื่อง ‘Guardians of the Galaxy’ ที่ตอนนี้บทบาทการแสดงของเธอไม่ได้หยุดอยู่ที่การเป็นซูเปอร์ฮีโร่ แต่กลับได้เฉิดฉายในบทบาทของนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมแห่งปี และการเป็นนักแสดงชาวอเมริกันเชื้อสายโดมินิกัน กับครอบครัวผู้อพยพคนแรกที่ได้รับรางวัลออสการ์ด้วย

แต่เพราะกระแสของภาพยนตร์เรื่อง ‘Emilia Pérez’ มีกระแสในแง่ลบจำนวนมากจากชาวละติน เม็กซิกัน และชาว LGBTQIA+ เนื่องจากการเดินเรื่องทั้งของตัวละครทรานส์มีเหตุผลตื้นเขินจนเกินไป อีกทั้งใช้เม็กซิโกเป็นเพียงสีสันของภาพยนตร์เท่านั้น

อีกทั้งนักแสดงนำของเรื่องถูกขุดข้อความในโซเชียลถึงเรื่องเหยีดสีผิว และเหยียดเชื้อชาติ แต่อุปสรรคทั้งหมดก็ทำให้เธอผ่านมันมาได้และยืนอยู่บนเวทีนี้ พร้อมกับการกล่าวขอโทษ และรู้สึกเสียใจผ่านสุทรพจน์ตอนรับรางวัล ที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ชาวเม็กซิกันอีกหลายคนรู้สึกไม่พอใจ หรือมีบางสิ่งทีทำให้ตกใจก็ขอโทษในส่วนนั้นด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้ภาพยนตร์จะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จากที่เข้าชิงรางวัลออสการ์ทั้งหมด 13 สาขา แต่ Emilia Pérez ก็สามารถคว้ามาได้ 2 สาขาใน ‘Actress in a Supporting Role’ และ ‘Music (Original Song)’

  • Paul Tazewell (Black Costume Designer)

ถ้าภาพยนตร์คือการสร้างโลกให้ผู้คนได้เข้าไปสำรวจ และรู้จักกับตัวละครมากขึ้น บทบาทของ Costume Designer เองก็สำคัญเช่นกัน ซึ่งรางวัลนี้ Paul Tazewell ก็กลายเป็นผู้ชนะผิวดำคนแรกที่ได้คว้ารางวัล จากภาพยนตร์ ‘Wicked’

ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้มีเพียงแค่การเปิดซีนในเวทีออสการ์ ที่ Ariana Grande และ Cynthia Erivo  มาร้องคู่กันเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงที่แสดงความอาลัยต่อเมืองลอสแองเจลิสหลังจากเกิดไฟป่าครั้งใหญ่ด้วย

และการประสบความสำเร็จของรายได้สูงสุดท่ามกลางภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลด้าน Costume Design การออกแบบเครื่องแต่งกายให้ผู้คนเชื่อในตัวละคร และจำได้ ก็นับเป็นการประสบความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งเช่นกัน

ซึ่งช่วงที่เขาได้กล่าวว่าตัวเองเป็นคนผิวดำคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้ เหล่านักแสดง และผู้คนที่เวทีออสการ์ก็ลุกขึ้นปรบมือให้เขาอย่างพร้อมเพรียงเลยทีเดียว นับเป็นอีกประวัติศาสตร์ของออสการ์ที่เปิดโอกาสให้กับความหลากหลายได้มีที่ยืนในสังคม และเวทีโลกมากขึ้น

Human Connection

  • Anora (Sex Worker)

แม้ประวัติศาสตร์ของการเป็น ‘โสเภณี’ จะมีมาอย่างยาวนานไม่ต่างจากสถาปัตยกรรม หรือวัฒนธรรมที่สั่งสมกันมา แต่ก็ถูกพูดถึงในเวทีโลกน้อยมาก จนกระทั่งมีการมาถึงยุคที่ภาพยนตร์อย่าง ‘Anora’ ได้เผยแพร่สู่สายตาคนทั่วโลก ว่าการใช้ชีวิต แนวคิด หรือความรักแบบที่โสเภณีมี ก็ไม่ต่างจากความรักแบบคนทั่วไป

อีกทั้งภาพยนตร์เรื่องนี้ยังสะท้อนไปถึงการเปรียบเทียบระหว่างโลกของเทพนิยายแบบซินเดอเรลล่า ที่ฉลาดเล่าในการประยุกต์เรื่องของความรักที่ฉาบฉวย และต้องผ่านอุปสรรคชนชั้นทางสังคมที่แค่มีความรักอย่างเดียวอาจไม่พอ

เรียกได้ว่า Anora ที่ชนะรางวัลเวทีออสการ์ไปถึง 5 รางวัล ทั้งภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Picture), บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม Writing (Original Screenplay), ตัดต่อยอดเยี่ยม (Film Editing), ผู้กำกับยอดเยี่ยม (Directing) และนักแสดงยอดเยี่ยม (Actress in a Leading Role) ที่จบครบสูตร และไม่ค้านสายตาผู้คนเลย

  • No Other Land (Israel Documentary)

สารคดีที่ได้รับรางวัลสารคดียอดเยี่ยม (Documentary Feature Film) ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ ผู้กำกับชาวอิสราเอลกับปาเลสไตน์อย่าง Yuval Abraham นักข่าวอิสราเอล, Basel Adra นักข่าวและนักเคลื่อนไหวชาวปาเลสไตน์, Hamdan Ballal ช่างภาพ/ผู้กำกับชาวปาเลสไตน์ และ Rachel Szor ผู้กำกับชาวอิสราเอล

ที่เรื่องราวสารคดีได้เผยถึงการกวาดล้างครั้งใหญ่ในสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ แต่เรื่องความบาดหมางในอดีตก็ยังไม่จบลงจนถึงปัจจุบัน ทำให้สารคดีเรื่องนี้สามารถสะท้อนความอดทน อดกลั้นของชาวปาเลสไตน์มานาน แต่ผู้ที่สร้างเรื่องนี้ก็ยังคงเชื่อว่าทั้ง 2 ฝักฝ่ายนี้สามารถอยู่ด้วยกันได้ แม้จะต่างเชื้อชาติ และต่างวัฒนธรรม

อีกทั้งผู้กำกับที่ได้รับรางวัลยังได้กล่าวสุนทรพจน์รับรางวัล พร้อมเรียกร้องให้สงครามนี้ยุติลง และหวังว่าภาพของการเกิดขึ้นของสันติภาพจะเป็นจริงได้ในสักวัน ต่อให้สารคดีเรื่องนี้จะถูกห้ามฉายในสหรัฐฯ เพราะถูกอ้างว่าไม่มีผู้จัดจำหน่าย และถือเป็นเรื่องการเมือง จนพวกเขาต้องออกทุนสร้าง และจัดจำหน่ายกันเองก็ตาม

  • Emilia Pérez (Spanish Musical Film)

ใครจะไปคิดว่าภาพยนตร์ที่มีส่วนผสมของทั้งรสชาติของอาชญากรรม มิวสิคัล และทรานส์เจนเดอร์ จะสามารถเกิดขึ้นได้ เพราะเพียงแค่พล็อตก็ดึงดูดความสนใจของผู้ชม และเหล่านักวิจารณ์ได้แล้ว ต่อให้เสียงของคนดูจะแตกกันแค่ไหนหลังจากได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้

และต่อให้การนำเสนอภาพลักษณ์ของทรานส์เจนเดอร์ หรือภาพจำแบบที่อยากจะให้เป็นไปตามที่หวังของเม็กซิโก ทั้งผู้คน วัฒนธรรม และบ้านเมือง อาจจะขัดใจผู้ชมส่วนใหญ่จนถึงขั้นไม่พอใจ และนักแสดงต้องกล่าวสุนทรพจน์ขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น

แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มีความทะเยอทะยานในการกล้าที่จะนำเสนอประเด็นต่าง ๆ ที่ถูกถกเเถียงในสังคมมานาน รวมถึงเศรษฐกิจในเม็กซิโกที่ถูกนำเสนอ มีส่วนที่เป็นเรื่องจริง รวมถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้ก็ถ่ายทอดให้กับเม็กซิโกได้ว่าอาจจะกระตุ้นให้รัฐบาลตระหนักถึงมากขึ้น

  • Conclave (Elect the next pope) 

เมื่อเรื่องราวของศาสนาไม่ได้มีแค่ศรัทธาภายในโบสถ์เพียงเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของพลัง และอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งภาพยนตร์เรื่อง Conclave ก็สามารถนำเสนอถึงความลึกลับในวงการศาสนามาให้ได้ตื่นเต้นกัน เพราะได้สะท้อนไปถึงจิตใจมนุษย์ที่บางครั้งก็ยากจะหยั่งถึง

เพราะตั้งแต่พระคาร์ดินัลที่ผู้คนมองว่าเป็นผู้ที่บริสุทธิ์ และเป็นที่ศรัทธาของทุกคน ก็มีเรื่องราวที่ซ่อนเร้นปิดบังเอาไว้ อีกทั้งตัวละครก็มีมิติ และซับซ้อนจนพาผู้ชมให้ค่อย ๆ ไขปมปัญหานี้ไปด้วยกันเรื่อย ๆ ได้ ซึ่งเรื่องของศาสนา และพระสันตะปาปาอาจไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คน

การที่ภาพยนตร์สามารถนำเสนอรายละเอียดของความละเอียดอ่อนในวงการศาสนา และใช้สถานที่จริง ทุ่มงบประมาณจริง ก็นับว่าชาเลนจ์ไม่น้อยสำหรับการที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกเชื่อมโยงกัน และได้มุมมองชีวิตบางอย่างร่วมกัน

  • A Real Pain (Jewish heritage tour) 

บางครั้งการที่จะมีความสุขที่สุดในชีวิตได้ ก็อาจจะต้องเปลี่ยนความทุกข์ที่มีอยู่ให้กลายเป็นความสุข ซึ่งภาพยนตร์ A Real Pain ได้ให้บทเรียนกับผู้ชมเอาไว้ เพราะความเป็นมนุษย์นั้นก็มีบ้างที่จะเหงา เศร้า บ้า หรือร้องไห้กับอดีตที่ไม่มีวันหวนกลับคืนมา

แต่ไม่ใช่ความเป็นมนุษย์เท่านั้นที่ถูกนำเสนอในภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ความเรียบง่าย และประเด็นระหว่าง 2 พี่น้องที่บุคลิกต่างกันสุดขั้ว หรือการสูญเสียบุคคลที่รัก ก็เป็นจุดชนวนที่ผู้ชมน่าจะต้องพบเจอเหมือนกันไม่ต่างจากตัวละครในเรื่อง อยู่ที่ว่าจะให้เวลากับตัวเอง และผ่านไปได้อย่างไรเพื่อให้ใช้ชีวิตต่อได้

และในขณะเดียวกันภาพยนตรืเรื่องนี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงความคิดของผู้คนยุคนี้เช่นกันว่ามีอะไรที่เปลี่ยนไปจนเราไม่ได้สังเกตบ้าง ทำให้กลายเป็นอีกภาพยนตร์ที่ลึกซึ้งจนกินใจสำหรับใครหลาย ๆ คน และ ‘Kieran Culkin’ ก็ได้รางวลสมทบชายยอดเยี่ยม (Actor in a Supporting Role) ไปครองด้วย

Disaster Story

  • Flow

จากเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าจะเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันตัวเต็งออสการ์ ในตอนนี้ก็ได้รางวัลอย่างสมมงกับภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม (Animated Feature Film) ไปครอง และด้วยชื่อไทยว่า ‘มีเหมียว มีกัน น้ำท่วมโลก’ ก็ดูจะเหมาะสมมากขึ้นไปอีก เพราะนี่คือภาพยนตร์ที่นำเสนอถึงมิตรภาพโดยไม่ต้องมีคำพูด หรือบทสนทนาเลย

ซึ่งแม้จะไม่ได้เป็นแอนิเมชันจากค่ายใหญ่ที่มีชื่อคุ้นเคยสำหรับทุกคน แต่ FLOW ก็สามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แอนิเมชันจากผู้กำกับที่เรียนการทำกราฟิกจาก YouTube และสตอรี่ที่ชวนให้อินไปง่าย ๆ กับเหล่าสรรพสัตว์ที่มีเบื้องหลังการคิดมาดีแล้ว ว่าทำไมต้องเป็นการผจญภัยระหว่างแมวดำ คาปิบาร่า หมาลาบราดอร์ ริงเทลลีเมอร์ และนกประหลาดที่ไม่รู้สายพันธุ์

แต่กระนั้นการนำเสนอมิตรภาพท่ามกลางภัยพิบัติที่ไม่ทันตั้งตัว หรือรู้ทันแล้ว ก็สามารถสะท้อนไปถึงสังคมของมนุษย์ได้ว่าไม่ต่างกันกับเหล่าสัตว์พวกนี้ และภัยพิบัติเองก็เหมือนกับมรสุมชีวิตที่วนลูปเกิดขึ้นแบบไม่รู้จบด้วย

  • The Wild Robot

ภาพยนตร์หุ่นยนต์ผจญภัยในป่ากว้าง ที่เล่าเรื่องของโลกที่มีแค่หุ่นยนต์ และสรรพสัตว์ในเกาะแห่งหนึ่ง ที่เราจะได้เรียนรู้เรื่องราวของเหล่าสัตว์ไปพร้อมกับหุ่นยนต์ตั้งแต่ก้าวแรก เฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ที่ต้องเริ่มเรียนรู้การอยู่รอดมากจากสรรพสัตว์เช่นกัน

แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้มีแค่การเรียนรู้สิ่งใหม่ แต่หุ่นยนต์ตัวนั้นยังได้มีลูกบุญธรรมเป็นลูกห่านบินได้ตัวหนึ่งด้วย ซึ่งระหว่างทางการใช้ชีวิต และการเติบโต เสมือนกับภาพยนตร์ Coming of Age ที่เราได้เรียนรู้ และผ่านอุปสรรคไปด้วย เพราะเป็นอีกเรื่องที่การนำเสนอภัยพิบัติ เป็นจุดเริ่มต้นของการอยู่ร่วมกันได้

สะท้อนกับปัญหาของสงคราม และความขัดแย้งกันในตอนนี้ได้อย่างตรงไปตรงมา แต่ในโลกความเป็นจริงการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายนักก็ตาม

Franchise Era

  • Wicked แสดงโดย Cynthia Erivo และ Ariana Grande 

ตั้งแต่ยุคของมหากาพย์นวนิยายอย่าง The Wonderful Wizard of Oz, Oz the Great and Powerful และ Wicked ในปัจจุบัน ก็นับว่าผ่านมาหลายทศวรรษ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความนิยมของเรื่องราวระหว่างพ่อมด และแม่มดในเมืองออซที่ถูกเล่าขานมารุ่นสู่รุ่นลดลง

เพราะในเวอร์ชันของ Cynthia Erivo และ Ariana Grande ก็ทำให้คว้ารางวัล Costume Design หรือการออกแบบชุดยอดเยี่ยมไปครองด้วย อีกทั้งเพลงประกอบอย่าง ‘Defying Gravity’ ก็ถูกยกระดับมาโชว์บนเวทีออสการ์อีกครั้งด้วย ทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งโมเมนต์ที่น่าจดจำของออสการ์ในปีนี้

  • James Bond (007) แสดงโดย LISA, Doja Cat และ RAYE

ถ้ามหากาพย์ที่ขึ้นชื่อว่าเท่ และตายยากในลุคสูทก็คงมีแต่เจมส์ บอนด์สายลับที่มาพร้อมความ luxury และผู้หญิงที่โดดเด่นในทุกภาค แต่บนเวทีออสการ์ไม่ได้มีแค่การโชว์เพื่อนำมารำลึกถึงตำนานสายลับที่คนทั่วโลกรู้จักเพียงเท่านั้น

แต่ยังได้ศิลปินแห่งยุคสุดไอคอนิกทั้ง 3 คน อย่าง LISA, Doja Cat และ RAYE มาร้องเพลงในธีมของ 007 ร่วมกัน ทั้ง พลง Live and Let Die, Diamonds Are Forever และ Skyfall ที่โชว์เอกลักษณ์เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองรางวัล Governors Awards อย่างเจมส์ บอนด์ หรือ 007 ด้วย

Biography

  • The Brutalist

นี่คือภาพยนตร์ที่ทำให้ Adrien Brody ได้คว้ารางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยม (Actor in a Leading Role) ไปครองอีกเป็นครั้งที่ 2 ที่เรื่องราวของภาพยนตร์ว่าด้วยบทบาทของสถาปนิกเชื้อสายยิวที่มีฝีมือ แต่ต้องหนีจากสงครามกวาดล้างเผ่าพันธุ์มาอาศัยอยู่ที่อเมริกา

และแม้เรื่องราวอาจจะดูธรรมดา แต่ในเส้นทางกว่าที่สถาปนิกหนุ่มอย่างลาสซ์โล โทธจะได้ใช้ชีวิตแบบคนปกติ ก็สะท้อนถึงเรื่องราวของผู้อพยพได้อย่างลึกซึ้ง ทั้งเรื่องของอารมณ์ ความรู้สึกที่ซับซ้อนต่อให้จะไม่มีตัวตนจริงก็ตาม แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างสวยงาม สมกับรางวัล Cinematography ด้วย

  • A Complete Unknown

ศิลปินที่เชื่อในเสรีภาพของตัวเอง และทำตามในสิ่งที่ใจอยากจะทำ คำว่าอิสระก็คงนิยามได้เหมาะสมกับ ‘Bob Dylan’ ที่สุดแล้ว แต่แม้เขาจะอินดี้แค่ไหนผู้คนก็ยังรักในตัวตน เสียง และดนตรีที่เขาทำจนเป็นตำนานมาถึงทุกวันนี้ เช่นเดียวกับการแสดงของ Thimothée Chalamet ก็น่าทึ่งจนเป็นที่จดจำได้เช่นกัน

ทำให้หนังชีวประวัติที่ไม่ได้มีแค่เรื่องชีวิต แต่มีเรื่องของการก้าวข้ามผ่านในสิ่งที่ผู้คนทั่วไปอาจจะไม่ยอมรับ แต่ตัวเองยอมรับ และเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตัวเอง สมฉายา ‘asshole’ ของวงการ เพราะเขาเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางในโลกของดนตรีโฟล์กแบบใหม่ผสมกับเครื่องดนตรีไฟฟ้า และความรักที่หมุนรอบตัวของเขา

Distributor Behind Awards Films

  • NEON

ถือเป็นอีกครั้งที่ค่ายจัดจำหน่ายภาพยนตร์อินดี้ที่คว้ารางวัลใหญ่จากคานส์ถึง 5 ปีติด ทั้ง Parasite, Titane, Triangle of Sadness, Anatomy of a Fall และล่าสุด Anora แถมยังชนะรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Picture) จากเวทีออสการ์ไปครองจนได้ หลังจากความสำเร็จที่ Parasite ทำได้นั่นเอง

และเพราะการโปรโมตภาพยนตร์ที่แหวกแนว และกลายเป็นไวรัล เลยทำให้ค่าย NEON กลายเป็นที่น่าจับตามองไม่ต่างจาก A24 เลยทีเดียว

  • A24

ค่ายจัดจำหน่ายภาพยนตร์อินดี้รายแรกที่ทำให้ค่ายหนังใหญ่พากันโจษจัน เพราะเป็นสตูดิโอหนังที่มีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 95 ในปี 2023 จากภาพยนตร์ 6 เรื่องมากถึง 18 รางวัล อย่างภาพยนตร์เรื่อง ‘Everything Everywhere All at Once’ ที่เข้าชิงสูงสุด 11 สาขา ก็กวาไป 7 รางวัล พร้อม Best Picture ไปครองด้วย

ซึ่งในปีนี้ A24 ก็มาพร้อมกับม้ามืดสายรางวัลอย่าง The Brutalist และเชื่อว่าเป็นความแปลกใหม่ที่รสชาตินี้ต้องมาจาก A24 เท่านั้น

Copyright © 2025 RAiNMaker. All rights reserved.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save