พาส่องตระกูล Apple ป้ายยาครีเอเตอร์ จับคู่อุปกรณ์ที่ใช่จากงานเปิดตัว ‘Peek Performance’

งานเปิดตัว ‘Peek Performance’ คงเป็นงานที่ใครหลาย ๆ คนตั้งตารอดูอุปกรณ์ใหม่จาก Apple ซึ่งวันนี้ก็ได้ประกาศเปิดตัวทั้งชิปตระกูล M1 สุดแรงอย่าง M1 Ultra, iPhone 13 และ iPhone 13 Pro สีเขียว Alpine Green นอกจากนี้ยังมี Mac Studio มาพร้อมกับ Studio Display และ iPad Air 5

รวมถึงการกลับมาของ iPhone SE Gen 3 อีกด้วย ซึ่งสายไอทีก็คงฟินไม่น้อย แต่สำหรับสายครีเอเตอร์อย่างเรา ๆ จะเหมาะกับอะไรบ้าง เตรียมเงินในกระเป๋า และตามไปเช็กกันเลย! 

ชิป M1 Ultra ใหม่ไฟแรง 

ไฮไลต์ของงานคงหนีไม่พ้นการเปิดตัวชิปใหม่อย่าง ‘M1 Ultra’ เป็นชิปพี่ใหญ่ในตระกูล Apple M1 ที่เรียกได้ว่าสเปกโหดที่สุดตั้งแต่เคยมาเหมือนกับผสมชิป M1 Max เข้าไปด้วย พร้อมสเปก 

  • CPU แบบ 20-core 
  • GPU แบบ 48-core 
  • Neural Engine แบบ 32-core 
  • ความจำ 64GB 
  • ตัวจัดเก็บข้อมูล SSD ความจุ 512GB 

ทำให้มีความแรงกว่า M1 ปกติถึง 8 เท่า! ถูกสร้างขึ้นมาให้เหมาะกับงานในสตูดิโอมาก ๆ หรืองานกราฟิก 3D ก็เอาอยู่ 

รวมถึงยังสามารถถอดรหัสไฟล์วิดีโอ ProRes ได้เร็วกว่า Mac Pro ที่ใช้ After Burner แล้ว ถึง 5.6 เท่า ซึ่งจะถูกนำไปใช้ใน Mac Studio ด้วย 

ยังไม่พอ ครั้งนี้ Apple ยังให้ช่องเสียบพอร์ตมาอย่างจุใจทั้งหน้า-หลัง ไม่ว่าจะเป็น 

ด้านหน้า 

  • Thunderbolt 4 2 พอร์ต 
  • ช่องเสียบการ์ด SDXC 1 ช่อง 

ด้านหลัง 

  • Thunderbolt 4 4 พอร์ต 
  • USB-A 2 พอร์ต 
  • HDMI 1 พอร์ต 
  • 10Gb Ethernet 1 พอร์ต 
  • Audio Jack 3.5 1 ช่อง 

โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 139,900 บาท 

Mac Studio และจอคู่หู Studio Display 

เป็นเดสก์ท็อป Mac ที่มีรูปร่างคล้ายกับ Mac mini รุ่นเล็กสเปกโหดใหม่นี้ครอบคลุมทุกสายงานของเหล่าครีเอเตอร์ไปหมด ไม่ว่าจะใช้ตัดต่อหนังหรือเพลง ถ่ายและแต่งรูป ออกแบบดีไซน์ ทำกราฟิกก็ไม่หวั่น เพราะครึ่งบนเป็นระบบระบายความร้อนทั้งหมด รองรับความเร็ว แรง พร้อมมีชิปให้เลือกถึง 2 แบบด้วยกัน ทั้ง M1 Max และ M1 Ultra 

  • รุ่น M1 Max เริ่มต้น 69,900 บาท, สูงสุด 174,900 บาท 
  • รุ่น M1 Ultra เริ่มต้น 139,900 บาท, สูงสุด 279,900 บาท 

โดย Mac Studio เป็นการฟิวชันที่เร็ว และแรงขึ้นมาก ด้วยสเปก ดังนี้ 

  • เล่นวิดีโอ ProRes 422 ระดับ 8K ได้สูงสุด 18 สตรีม ซึ่งถือว่าเยอะกว่าทุกเครื่อง  
  • ปรับแต่งความจุก็ได้สูงสุดถึง 8TB ซึ่งสายกราฟิก หรือตัดต่อคนไหนอยากไปให้สุด แนะนำว่าต้องใช้ร่วมกับ Studio Display ไปเลย!  
  • พอร์ต Thunderbolt 4 ช่อง, DisplayPort, 10Gb Ethernet, HDMI 
  • ส่วนด้านหน้าจะเป็น USB C 2 พอร์ต (M1 Max) หรือ Thunderbolt 4 2 พอร์ต (M1 Ultra) 

สามารถเช็กรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://www.apple.com/th/mac-studio/ 

 ส่วน Studio Display เป็นคู่หูจอเสริมที่ใช้กับ Mac Studio มีสเปกและราคาต่างกัน 2 รุ่น คือ 

  • Studio Display กระจกมาตรฐานราคาเริ่มต้น 54,900 บาท 
  • Studio Display กระจก Nano-texture ราคาเริ่มต้น 65,400 บาท 
  • จอปรับจอได้ 30 องศา 
  • ความละเอียดมากถึง 5K สว่าง 600 นิต มีสีมากถึง 1 พันล้านสี 
  • กล้องหน้าเป็นอัลตร้าไวด์ละเอียด 12MP 
  • มาพร้อมคุณสมบัติ “จัดให้อยู่ตรงกลาง” 
  • มีลำโพงถึง 6 ตัวกระจายเสียงได้รอบทิศ และไมค์ 3 ตัว 
  • พอร์ต USB C 3 พอร์ต, Thunderbolt 1 พอร์ต (พร้อมรองรับได้กับ Mac ทุกรุ่น)  

สามารถเช็กรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://www.apple.com/th/studio-display/ 

iPad Air 5 คุณค่าที่ครีเอเตอร์สายวาดคู่ควร 

ถือเป็นการเปลี่ยนแปลครั้งใหญ่ แม้จะมาในรูปแบบดีไซน์เดิมอย่าง iPad Air 4 ก็ตาม แต่ชิปประมวลผล Apple M1 ทำให้ยกระดับประสิทธิภาพความเร็วแรงขึ้นไปอีก จึงเหมาะกับสายครีเอเตอร์เป็นอย่างมาก โดยมีสเปกที่น่าสนใจ ดังนี้ 

  • GPU แบบ 8-core เลยทำให้เรื่องกราฟิกเร็วเร็วขึ้นถึง 2 เท่าเลยทีเดียว เพราะการประมวลผลกราฟิก หรือ 3D หนัก ๆ ดีเทลเยอะจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป 
  • Neural Engine แบบ 16‑core ช่วยเพิ่มการเรียนรู้ระบบให้เร็วขึ้น ทำให้ปรับแต่งภาพใน Adobe Lightroom ได้เร็วกว่าเดิม 
  • ตัดต่อวิดีโอความคมชัดระดับ 4K พร้อมกับสตรีมมิงได้  
  • สตรีมและแชร์ได้ทุกที่ทุกเวลาด้วย 5G และ Wi-Fi 6 เพราะขณะเดินทางก็ดาวน์โหลดไฟล์ สตรีมเกมหรือหนังได้ 
  • ตอบโจทย์โลกของ Metaverse ที่สามารถทำให้ผู้ใช้สัมผัสประสบการณ์ด้าน AR (Augmented reality) หรือโลกเสมือนจริงมากขึ้นอีกด้วย  
  • Apple Pencil รุ่นที่ 2 ที่เพิ่มการรองรับ Mahic Keyboard และ Smart Keyboard Filio ช่วยให้จดหรือวาดเข้ามือง่ายขึ้น  

จากสเปกที่น่าสนใจจึงทำให้ iPad Air 5 เป็นมากกว่าแท็บแล็ตธรรมดา ซึ่งตอนนี้มีให้เลือก 2 ความจุคือ 64GB และ 256GB ในราคาเริ่มต้น 20,900 บาท พร้อมสีสัน 10 สีที่สายครีเอเตอร์เห็นแล้วต้องใจสั่นแน่นอน โดยเปิดให้สั่งซื้อได้ 18 มี.ค. เป็นต้นไปนะ 

สามารถเช็กรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://www.apple.com/th/ipad-air/ 

 เปิดตัว ‘สีเขียว Alpine’ สีใหม่ตระกูล iPhone 13  

การเปิดตัวครั้งนี้มาพร้อมกับสีใหม่ของทั้ง iPhone 13, iPhone 13 mini ที่มีสีเขียวเพิ่มเข้ามา และ iPhone 13 Pro รวมถึง iPhone 13 Pro Max เป็นสีเขียว Alpine Green ซึ่งสามารถจองได้ในเวลา 9.00 น. ของวันศุกร์ที่ 18 มี.. นี้ และวางขายจริงในวันศุกร์ที่ 25 มี.ค. โดยทั้งหมดจะวางขายในราคาเดิม 

iPhone SE (Gen 3) เครื่องเก่าสเปกใหม่! 

ซึ่งเรียกว่ามี iPhone SE เครื่องเดียว ก็สามารถใช้ในการทำคอนเทนต์ได้ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ หรือตัดต่อวิดีโอง่าย ๆ บนโทรศัพท์เครื่องเล็กพกพาสะดวกด้วยสเปกเหล่านี้ 

  • ปุ่มโฮมรองรับ Touch ID  
  • ชิป A15 Bionic ชิปตัวเดียวกับ iPhone 13 สามารถรองรับการอัปเดต iOS ได้เหมือน iPhone 13 
  • Neural Engine แบบ 16-Core ทำให้เล่นเกมได้ไหลลื่น (แรงกว่า iPhone SE รุ่นก่อน 1.2 เท่า) 
  • มีให้เลือกถึง 3 สี ทั้ง สี Midnight, Starlight และสีแดง Product Red  
  • รองรับ 5G 
  • หน้าจอกันน้ำกับฝุ่นได้ในระดับ IP67  
  • ชาร์จเร็วแบบไร้สายได้ 
  • ถ่ายแบบ HDR อัจฉริยะ 4 และถ่ายแบบ Deep Fusion เก็บรายละเอียดดี 
  • ความจุ 64, 128 และ 256GB 

ซึ่งจากสเปก iPhone SE จะเหมาะกับครีเอเตอร์ที่อยากใช้สมาร์ตโฟนรุ่นขนาดพอดี ราคาไม่แรงเกินไป แต่ก็สร้างสรรค์คอนเทนต์สนุกได้ และสำหรับใครที่อยากเป็นเจ้าของราคาเริ่มต้นที่ 15,900 บาท สามารถจองได้เวลา 9.00 น. ของวันศุกร์ที่ 18 มี.ค. และขายจริงในวันศุกร์ที่ 25 มี.ค. นี้เช่นกัน 

สามารถเช็กรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://www.apple.com/th/iphone-se/ 

 ที่มา: iMod beartai SpecPhone Apple/th

Copyright © 2024 RAiNMaker. All rights reserved.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save