Case Study

Avatar

doyoumind February 18, 2021

กรณีศึกษา : เป้าหมายการเปิดห้องยาว 22 วัน กับห้อง “วิธีรับมือกับการเป็นคนดัง” บน Clubhouse

Clubhouse ได้กลายเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมของหลายคนไปแล้ว มีคนมากมายเข้าไปสร้างห้องเพื่อพูดคุยในประเด็กต่างๆ ที่หลากหลาย จนถือว่าเป็นแหล่งเกิดความคิดสร้างสรรค์และการแลกเปลี่ยนความรู้เลยก็ว่าได้ วันนี้ RAiNMaker เลยขอยกห้องนึงในคลับเฮาส์ ที่เชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นผ่านตากันมาบ้าง เพราะห้องนี้เป็นห้องที่ยังไม่เคยปิดเลยตั้งแต่เปิดมา จนกระทั่งวันนี้ก็นับเป็นเวลากว่า 6 วันแล้ว

และเราก็ได้รับเกียรติสัมภาษณ์หนึ่งใน Moderator ประจำห้องวิธีรับมือกับการเป็นคนดัง เกี่ยวกับเป้าหมายและแนวทาง รวมถึงการผลัดเปลี่ยนกันดูแลห้องให้อยู่ไปจนถึง 22 วัน ว่าเขามีวิธีการจัดการกันยังไง ไปดูกันเลยค่ะ

เกิดห้องนี้ขึ้นได้ยังไง?

เอาจริงๆ Pain Point ของคนที่เล่นคลับเฮาส์มันคือการที่ทุกคนถูกล้อมไปด้วยความรู้ทั้งหมด ทั้งคอนเทนต์นักการตลาด 101 วิธีการลงทุนบิตคอยน์ เป็นต้น สุดท้ายทุกคนก็จะ Overloaded กับข้อมูลพวกนั้น เราเลยอยากหาห้องที่ไปแล้วพักใจ เลยไปเจอห้องนึงชื่อว่า “วิธีรับมือกับการเป็นคนดัง”

ซึ่งพอเข้าไปแล้ว ไม่ได้มีการคุยถึงเรื่องการรับมือกับการเป็นคนดังอะไรเลย แต่เป็นการตบมุกกันโบ๊ะบ๊ะ ติ๊ต่างว่าทุกคนคือคนดัง ทุกคนมีแสงสว่างในตัวเอง อะไรแบบนี้ เหมือนเป็นการ Justify ให้เห็นว่าทุกคนเป็นคนดังในตัวเอง โดยที่ไม่ต้องไปเป็นดาราหรือคนดังจริงๆ เลยชอบ รู้สึกว่ามันกวนดี เหมือนเป็นที่ๆ ล้างหู เหมือนพักผ่อน

ห้องนี้เปิดครั้งแรกเมื่อตอนประมาณ 3 ทุ่มของวันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ เริ่มจากกลุ่มเพื่อนกันเองนี่แหละช่วยกันสร้างห้องขึ้นมา มี Moderator เยอะมาก เพราะต้องเปลี่ยนกะกัน มิชชันคือเราต้องการตั้งห้องไปให้เกิด 21 วัน เพื่อที่จะทำลายสถิติโลก เป้าคือ 22 วัน

ในแต่ละวัน แต่ละช่วงก็จะแตกต่างกันไป เพราะชีวิตแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่างเราจะได้ช่วงดึกหลังเลิกงานหรือช่วงเช้าก่อนเข้างาน การผลัดกะกันก็จะมีการลงตารางคร่าวๆ แต่จะมีคนที่อยู่ตลอดจนเหมือนเป็นปูชนียบุคคลชื่อ Wichanun โปรไฟล์เป็นรูป QR Code ถ้าแสกนเข้าไปจะเห็นเป็นตาราง Excel ที่รวบรวมทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องนี้

ทุกคนก็จะพูดไปเรื่อย เพื่อไม่ให้ห้องเงียบ ในช่วงที่ตัวเองอยากพูดหรือเรื่องที่อยากมาแชร์ความรู้ จะคึกครื้นสุดตอนประมาณ 3-4 ทุ่ม แต่จริงๆ คนช่วงกลางวันกับกลางคืนก็ไม่ได้ต่างกันมากขนาดนั้น ส่วนใหญ่คนจะเข้ามาใช้งานตามเมื่อคนดังเคลื่อนไหวมากกว่า เพราะมันเห็นการเคลื่อนที่ของคน เห็นจากคนที่เขาติดตามว่าคนไหนฟังห้องไหนแล้วก็ตามไป

ที่มาของปรากฏการณ์บาร์บีกอน?

เช้าวันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ อยู่ๆ ก็มีลูกค้าที่เคยทำงานด้วยกันเข้ามาในห้อง คือ คุณบุ๋ม-บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ รองประธานบริหารแบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่า ก็เลยดึงขึ้นมาพูดคุยด้วยกัน พูดตรงๆ ตอนนั้นก็คืออยากมีสปอนเซอร์นั่นแหละ เราเลยเสนอไอเดียไปกับทางคุณบุ๋มว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อให้เขาสปอนเซอร์เราได้นะ

จากนั้นทั้งห้องเลยพร้อมใจกันเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นรูป ซึ่งเป็นสิ่งที่เราก็ตกใจว่ามันสามารถทำได้ด้วยนะ กลายเป็นปรากฏการณ์จนมีคนเอาไปพูดต่อไปเลย หลายคนเห็นก็บ่นอยากกินบาร์บีกอนก็มี ฝั่งคุณบุ๋มเองก็อึ้งเหมือนกัน หลังจากนั้นทุกคนเลยคิดว่าถ้ามันทำอะไรแบบนี้ได้ แล้วมิชชันต่อไปจะลองทำอะไรดี

คุณบุ๋มเลยไปเชิญคุณหญิงหน่อย-สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ทุกคนเลยเปลี่ยนรูปเป็นน้องจินนี่ลูกสาวคุณหญิงหน่อย ซึ่งระหว่างที่คุณบุ๋มกำลังไปเชิญคุณหญิงหน่อยมา คนในห้องก็ใช้เวลาแค่ 1 นาทีในการเปลี่ยนรูป เร็วกว่าตอนเปลี่ยนเป็นบาร์บีกอนรอบแรกอีก ถือว่าทุกคนเรียนรู้เร็วมาก

จริงๆ เราว่ามันก็ไม่ได้เป็นอะไรยิ่งใหญ่หรอก มันก็เหมือนเป็นการเล่นไปเรื่อย มุมเรามันคือที่หลีกหนีของคนในแพลตฟอร์มจากชีวิตจริงมากกว่า แต่สุดท้ายมันก็กลายเป็นคนดังจริงๆ เข้ามามีส่วนร่วมกับเราด้วย แต่มาในมุมที่เป็นกันเองมากกว่าที่อื่น อย่างวันก่อนก็มีคุณบอย ปกรณ์แวะเข้ามาคุยกับคุณบุ๋มด้วย เพราะที่บ้านเป็นแฟนพันธุ์แท้บาร์บีกอน ซึ่งเราว่ามันเป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์บางอย่างที่น่าสนใจมาก

คิดว่าสิ่งนี้สามารถต่อยอดอะไรได้อีก?

ต่อยอดในการสร้างรายได้ได้อีกนะ มันทำได้หลายอย่าง เช่น การสปอนเซอร์ห้อง เราจะเห็นโมเดลที่คนเริ่มอะไรแบบนี้ได้ขึ้นมาเรื่อยๆ บางทีอาจจะเป็นห้องรีวิวของ ห้องป้ายยา ซึ่งการป้ายยามันเกิดขึ้นง่ายมาก ด้วยความที่คนฟังไปด้วยและสามารถออกจากแอปเพื่อไปหาข้อมูลได้ด้วย ทุกครั้งที่ฟังทุกคนก็มักจะไปเสิร์ชทันที มันเอื้อต่อการรีวิวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพราะทั้งดูทั้งฟังได้พร้อมกัน

ในอนาคตคลับเฮาส์จะแทนพอดแคสต์ได้มั้ย?

แค่ 2-3 วันที่เราฟังคลับเฮาส์ ทำให้ความรู้สึกในการฟังพอดแคสต์เปลี่ยนไปเยอะ รู้สึกว่าพอดแคสต์ยาวมาก พอมันไม่มีการปฏิสัมพันธ์เลยทำให้รู้สึกน่าเบื่อทันที ในขณะที่คลับเฮาส์สามารถที่จะออกจากห้องนึงไปฟังอีกห้องนึงได้ง่ายมาก แต่ข้อเสียก็คือทำให้คนสมาธิสั้นมากขึ้น

โดยรวมคิดว่ามันไม่สามารถทดแทนกันได้แบบ 100% หรอก แต่มันคงทำให้ผู้ใช้พอดแคสต์บางส่วนหันมาชอบในสิ่งนี้มากกว่า และคนที่ทำพอดแคสต์อาจต้องขยายมาทำบนแพลตฟอร์มนี้มากขึ้นเหมือนกัน เพื่อซัพพอร์ตคนที่หันมาใช้คลับเฮาส์ด้วย

ถ้าคลับเฮาส์ขยายเข้าสู่แอนดรอยด์คิดว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง?

เราคิดว่าจะมีอีกมุมนึง จะมีความสนุกอีกแบบนึงที่เกิดจากผู้ใช้แอนดรอยด์ ซึ่งเราว่ามันจะมีความครีเอทีฟขึ้นอีกเยอะเลย นึกถึงโมเดลของ TikTok ที่มีการต่อยอดกันไปเรื่อยๆ มีความครีเอทีฟบางอย่างเกิดขึ้น มากกว่าการให้ความรู้ที่ยังมีมากอยู่ในตอนนี้ ก็ต้องรอดูต่อไป

เมื่อผู้ใช้งานมากขึ้น ความ Exclusive บนคลับเฮาส์จะหายไปมั้ย?

บางทีถ้ามีแต่คอนเทนต์จากคนดังหรือคนในระดับ C-level เยอะ มันก็เหมือนเป็นแหล่งรวมงานสัมมนาที่ยิ่งใหญ่ที่นึง การจัดคอนเทนต์แนวเดิมๆ โดยคนประเภทเดิมๆ มันก็อาจจะน่าเบื่อนะ ถ้าถามว่าเมื่อถึงตอนที่ทุกอย่างเปิดเหมือนแอปปกติทั่วไป เราว่าพวก Early Adopter คงจะไปหาแพลตฟอร์มอื่นแล้วล่ะ พอมันไม่ Exclusive แบบเดิมแล้ว เขาคงไปหาแพลตฟอร์มที่มัน Exclusive กว่าเดิมอยู่แล้ว

ถ้าทำห้องนี้ครบ 22 วันแล้ว มีแพลนจะทำอะไรต่อ?

ยังไม่รู้เลยครับ ตอนนี้ก็ทำไปเรื่อยๆ ต้องรอดูกันอีกที

อยากฝากอะไรมั้ย?

นอนกันบ้างครับ จริงๆ เราว่าก็ลองหาโอกาสจากมันว่ามันทำอะไรได้บ้าง ก็สนุกดีเหมือนกันมันก็เหมือนตอนที่เฟซบุ๊กหรือแอปอื่นมาใหม่ๆ นั่นแหละ ก็มีอะไรให้เรียนรู้ให้ลองกันอีกเยอะ

Copyright © 2024 RAiNMaker. All rights reserved.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save