จากต้นปีที่ผ่านมา Google ได้ประกาศพัฒนาฟีเจอร์ AI โดยเน้นไปที่ Google Workspace สำหรับองค์กร (Business และ Enterprise) ซึ่งผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องซื้อแพ็คเกจของ Gemini แยก ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ง่าย และมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม
ในขณะนี้ Google ได้นำ Gemini เข้ามาช่วยในการทำงานของ Google Meet และ Google Chat ในด้านต่าง ๆ โดยเริ่มจาก Google Meet ที่มีฟีเจอร์เพิ่มเข้ามา ดังนี้
- Generated background: เจนภาพพื้นหลังอัตโนมัติด้วย AI เพียงแค่ป้อนคำสั่งด้วยข้อความที่นอกจากจะไม่เหมือนใครแล้ว ยังทำให้ผู้ใช้สามารถสื่อสารออกไปได้มากกว่าที่เคย และยังเป็นการสร้างบรรยากาศให้เหมาะกับหัวข้อการประชุมนั้น ๆ มากขึ้น
- Studio Look: ไม่ว่าเราจะประชุมที่ไหน หรืออยู่ในสถานที่ที่มี Noise หรือปัจจัยอื่น ๆ ที่เคยทำให้การประชุมของเราไม่มีคุณภาพ ตอนนี้ Google ได้มีการนำ AI เข้ามาช่วยตรวจจับความชัด และตัดสิ่งรบกวนออกไป เพื่อเพิ่มให้ผู้ใช้ดูมืออาชีพ และเหมาะสมกับการประชุม
- Studio lighting: Gemini บน Google Meet มีการใช้ Machine Learning ในการจำลองแสดงสตูดิโอ และปรับตำแหน่งของแสงอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้ภาพที่ออกมาผ่านจอมีความคมชัด รวมถึงยังเป็นการทำให้ผู้ใช้คนอื่น ๆ โฟกัสที่เราอีกด้วย
- Studio sound: AI จะช่วยสร้าง และปรับสมดุลความถี่ของเสียงที่อาจขาดหายไปในบางช่วง ทำให้เราไม่สามารถสื่อสารออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยฟีเจอร์นี้จะทำให้เสียงของเราชัดยิ่งขึ้น และใช้งานได้ดีบนอุปกรณ์ที่ต่อหูฟัง
แน่นอนว่าสิ่งที่จะต้องใช้ควบคู่กันไปคือ Google Chat ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ระหว่างการประชุม โดย Google จะตรวจจับ และแปลภาษาอัตโนมัติมากกว่า 120 ภาษา ส่งผลให้การพูดคุยไม่มีกำแพงภาษาต่อกัน รวมถึงสะดวกสบายกว่าเดิม โดยระบบจะยังคงแสดงข้อความต้นฉบับ ซึ่งจะทำให้เราสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้
นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มฟีเจอร์อื่น ๆ บน Google Drawing สำหรับการใช้ AI เพื่อลบพื้นหลังของภาพให้เหลือแต่วัตถุ โดยก่อนหน้านี้ Gemini เคยเพิ่มฟีเจอร์นี้ให้กับผู้ใช้งานบน Google Slides รวมถึง Vids แล้ว ซึ่งผู้ใช้คนไหนอยากทดลองฟีเจอร์ที่กล่าวมาทั้งหมด สามารถไปที่ Google Workspace และเริ่มใช้งานได้เลย