แจก Social Media Statistic 2025 โฟกัสแพลตฟอร์มไหนให้ช่องโตจากรีพอร์ต metricool

ในโลกของ ‘Social Media Landscape’ ปัจจุบันมีวิวัฒนาการ และโอกาสใหม่ ๆ สำหรับครีเอเตอร์ และแบรนด์ได้แสดงตัวตนผ่านคอนเทนต์ หรือพัฒนาการดึงดูดความสนใจของผู้ชมที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น ซึ่ง ‘Social Key Metrics 2025’ ของ metricool ที่ RAiNMaker จะมาสรุปในวันนี้  จะช่วยให้ทั้งครีเอเตอร์ และแบรนด์ปรับตัวให้ทันเทรนด์ ทันกลุ่มเป้าหมาย และสร้างกลยุทธ์ให้ทันทุกการเปลี่ยนแปลงรับปี 2025 ได้ด้วย

โดยอินไซต์จากรีพอร์ต “Social Media Study” ของ metricool นั้นมีชุดข้อมูลที่สำรวจมาจากผู้คนที่มีแอ็กเคานต์ทั่วโลกกว่า 1,387,457 แอ็กเคานต์ และ 21,211,149 โพสต์ตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนปี 2023 มาจนถึงเดือนกันยายนปี 2024 ซึ่งแต่ละแอ็กเคานต์ก็มีขนาดผู้แตกต่างกันไป เลยทำให้อินไซต์ของแต่ละแพลตฟอร์มเปลี่ยนไปด้วย เมื่อเทียบกับปี 2023

  • Facebook: ยอด Post Reach ลดลง -41% และ Reels Reach เพิ่มขึ้น 13%
  • Instagram: ยอด Post Reach เพิ่มขึ้น 21% และ Reels Reach ลดลง -20%
  • YouTube: ยอด Dislike เพิ่มขึ้น 11%
  • TikTok: ยอด Watch Time เพิ่มขึ้น 71%
  • X: ยอด Impressions เพิ่มขึ้น 50%
  • Twitch: ยอด Subscriptions ลดลง -88%
  • LinkedIn: ยอด Average interactions เพิ่มขึ้น 99%
  • Pinterest: ยอด Clicks เพิ่มขึ้น 55%

นอกจากสถิติการเติบโต และการลดลงของมาตรวัดสำคัญแต่ละแพลตฟอร์มแล้ว ด้านของผู้ชม (Audience) แต่ละช่วงวัย (Generations) ที่อยู่ในแพลตฟอร์มก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน เพราะในแต่ละเจนก็ให้ความสนใจแพลตฟอร์มต่างกัน

  • Baby Boomers (1946 – 1964): Facebook และ LinkedIn
  • Generation X (1965 – 1979): Facebook และ LinkedIn
  • Millennials / Generation Y (1980 – 1994): LinkedIn, Facebook, Instagram และ X
  • Gen Z (1995 – 2012): Twitch และ TikTok

เมื่อเทียบความสนใจของผู้ชม และการเติบโตของแพลตฟอร์มแล้ว แพลตฟอร์มที่มีคอนเทนต์วิดีโอจะได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่มากกว่า ในขณะที่กลุ่มคนที่อายุมากกว่า Gen Z จะให้ความสำคัญกับการสร้างโปรไฟล์บน LinkedIn และยังคงใช้แพลตฟอร์มที่คุ้นเคย และมีมานานอย่าง Facebook หรือ Instagram อยู่

Small Account Grow

ต่อให้แต่ละแพลตฟอร์มจะมีความนิยมในกลุ่มคนที่แตกต่างกันไป แต่ก็มีบางแพลตฟอร์มที่มีอัลกอริทึมเอื้อต่อการเติบโตของครีเอเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์ และแบรนด์หน้าใหม่ ให้ผู้คนในแพลตฟอร์มมองเห็นมากขึ้นต่อให้จะเริ่มที่ผู้ติดตามเพียงแค่ 500 คนก็ตาม

  1. Instagram: 59,78%
  2. YouTube: 55.61%
  3. TikTok: 41.97%
  4. Twitch: 27.24%
  5. X: 18.78%
  6. LinkedIn: 17.78%
  7. Facebook: 10.17%

ในขณะเดียวกันหากมีแพลตฟอร์มที่สามารถทำให้แอ็กเคานต์ใหม่ ๆ เติบโตได้ง่ายขึ้นแล้ว ก็มีแพลตฟอร์มที่ง่ายต่อการสร้างคอมมูนิตี้สำหรับผู้ใช้ทั่วไปเช่นกัน

  1. YouTube: 41.44%
  2. Instagram: 39.09%
  3. TikTok: 34.61%
  4. LinkedIn: 17.68%
  5. Twitch: 16.77%
  6. X: 8.81%
  7. Facebook: 7.95%

นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์เพิ่มเติมด้วยว่า หากแอ็กเคานต์เหล่านั้นมีจำนวนผู้ติดตามที่แตกต่างกัน แพลตฟอร์มไหนจะเอื้อต่อการพัฒนาคอนเทนต์ และสร้างคอมมูนิตี้ให้เติบโตด้วยยอด Impressions ได้มากที่สุด ซึ่งสามารถอิงตามตัวเลขของจำนวนผู้ติดตามได้ ดังนี้

  • น้อยกว่า 2,000 Followers: Best – YouTube และ Worst – Instagram Reels
  • ระหว่าง 2,000 – 50,000 Followers: Best – YouTube และ Worst – Facebook / Instagram Reels

Engagement Rate

นอกจากยอดผู้ติดตามที่มีความเชื่อมโยงกับรูปแบบคอนเทนต์แต่ละแพลตฟอร์มแล้ว ยังสามารถอิงตามการเติบโตของยอดเอนเกจเมนต์ได้อีกด้วย โดยมีการคำนวณคือ (Total Interactions / Reach) x 100 = Engagement Rate ซึ่งแพลตฟอร์มที่สามารถเพิ่มยอดเอนเกจเมนต์ให้พุ่งง่ายขึ้นได้ คือ

สำหรับแอ็กเคานต์ที่มีผู้ติดตามน้อยกว่า 2,000 Followers

  • LinkedIn: เพิ่มขึ้น 14.78%
  • Facebook Posts: เพิ่มขึ้น 7.07%
  • X: เพิ่มขึ้น 6.63%
  • Instagram Posts: เพิ่มขึ้น 6.63%
  • Instagram Reels: เพิ่มขึ้น 5.62%
  • TikTok: ลดลง 3.65%
  • Facebook Reels: 1.99%
  • YouTube: 1.65%

สำหรับแอ็กเคานต์ที่มีผู้ติดตามระหว่าง 2,000 – 50,000 Followers

  • LinkedIn: เพิ่มขึ้น 14.20%
  • Facebook Posts: เพิ่มขึ้น 5.97%
  • Instagram Reels: เพิ่มขึ้น 5.62%
  • X: เพิ่มขึ้น 5.84%
  • Instagram Posts: เพิ่มขึ้น 6.63%
  • TikTok: ลดลง 3.65%
  • Facebook Reels: 1.99%
  • YouTube: 1.65%

Click Per Post

การคลิกคือการสร้างคอนเน็กชันโดยตรงว่ามีความสนใจต่อคอนเทนต์นั้น ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มก็มีการนำเสนอฟอร์แมตคอนเทนต์แตกต่างกันไปเพื่อนำไปสู่การคลิกเพื่อรับชมคอนเทนต์ต่อไป ไม่ว่าจะเป็น

สำหรับแอ็กเคานต์ที่มีผู้ติดตามน้อยกว่า 2,000 Followers

  • LinkedIn: 23.54%
  • Facebook Posts: 21.34%
  • Pinterest: 4.56%

สำหรับแอ็กเคานต์ที่มีผู้ติดตามระหว่าง 2,000 – 50,000 Followers

  • LinkedIn: 156.78%
  • Facebook Posts: 130.54%
  • X: 11.81%

Facebook Statistic

แม้ Facebook จะยังตามหลังหลายแพลตฟอร์มที่โฟกัสวิดีโออยู่ การจะทำให้ยอดเอนเกจเมนต์เพิมขึ้นได้ก็ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของครีเอเตอร์ และแบรนด์ หรือ Facebook Metrics ที่ต้องการวัดผลลัพธ์ โดยสามารถสรุปสถิติของ Facebook ได้ ดังนี้

  • 90% ของผู้คนมักจะมีโปรไฟล์ตัวเองบน Facebook อยู่แล้ว
  • Facebook ยังคงเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยยอด Active users ที่ 3,065 ล้านคน
  • Facebook ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่เหล่านักการตลาดทั่วโลกใช้งานกว่า 86% ตามมาด้วย Instagram ที่ 79%
  • Facebook มีผู้ใช้งานเป็นผู้ชายช่วงอายุ 24-34 ปีมากที่สุดที่ 18.4% ตามมาด้วยผู้ใช้อายุ 18-24 ปีที่ 13.5% ส่วนผู้ใช้งานผู้หญิงจะอยู่มี่อายุ 25-34 ปีเป็นอันดับ 3
  • Facebook เป็นแพลตฟอร์มที่มีการจ่ายเงินโดยตรงผ่านแพลตฟอร์มมากที่สุด และผู้ใช้กว่า 39% ก็พร้อมที่จะซื้อแล้วจ่ายเลย (ready to buy) ตามมาด้วย TikTok 36% และ Instagram 29%
  • Facebook เป็นแพลตฟอร์มที่มี ‘Aging Demographic’ มากที่สุด ทำให้นักการตลาดต้องคำนึงถึงการทำการตลาดที่คอนเทนต์นำเสนอถึงประโยชน์ได้ ให้เหมาะกับกลุ่มคนที่พร้อมจ่ายจบ

Instagram statistics

แพลตฟอร์มที่ติดอันดับ #1 ของการเป็น ‘Product Discovery’ และมี Engagement Rate ที่ลดลง ในขณะเดียวกันก็มีผู้ใช้งานที่เป็นคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นทุกวันเช่นกัน แต่กลุ่มคนรุ่นใหม่ก็ให้ความสำคัญกับการใช้งานที่ฟังก์ชันมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของ Customer Service

  • Instagram มียอด Active users ที่ 2 พันล้านคนต่อเดือน
  • ผู้ใช้โซเชียล 82% มีโปรไฟล์บน Instagram และ Facebook ที่ 90%
  • Instagram มีศักยภาพในการให้ผู้คนเข้าถึงโฆษณา (Ad Reach) โดยรวมอยู่ที่ 1.74 พันล้านยูสเซอร์
  • 69% ของผู้ใช้โซเชียลพบว่า บน Instagram มีคอนเทนต์ที่สร้างเอนเกจเมนต์กับแบรนด์ได้ 44% เลยทำให้แบรนด์หันมาทำการตลาด และโปรโมตแคมเปญมากขึ้นบน Instagram
  • 61% ของผู้ใช้ Instagram มีการใช้เพื่อค้นหาสินค้าที่สนใจ และต้องการหาช่องทางซื้อต่อไปเลย
  • 72% ของผู้ใช้ Gen Z ชอบที่จะได้รับ Customer care บน Instagram มากกว่าแพลตฟอร์มอื่น
  • Engagement rate บน Instagram ลดลง 28% และ YoY ที่ 0.50% จากเดิม 0.70% แต่ก็ยังเยอะกว่า Facebook 3 เท่าโดยอยู่ที่ 0.15% เท่านั้น

เรียกได้ว่าแบรนด์ที่ทำการตลาดบน Instagram ต้องโฟกัสเรื่องฟีเจอร์สำหรับการทำ E-Commerce มากขึ้น โดยเฉพาะการตอบกลับเร็ว และแอ็กทีฟคอนเทนต์ทั้ง Instagram Feed, Stories และ Reels เสมอ เพื่อเป็นกลยุทธ์เพิ่มกลุ่มเป้าหมายให้มาติดตาม

TikTok statistics

ตั้งแต่เปิดตัวมา TikTok ก็ยังไม่เคยดรอปเรื่องของการเป็นแพลตฟอร์มที่ผู้คนให้ความสนใจ เพราะชาว TikToker หลาย ๆ คนก็ยังใช้เวลาไปกับการไถฟีดคลิปทุกวัน เพื่อเสพความบันเทิง, เสิร์ชหาของชอปปิง และมีส่วนร่วมกับแบรนด์มากกว่าแพลตฟอร์มอื่น

  • ในเดือนมกราคม 2025 พบว่า TikTok มี Monthly visits ที่ 2.65 พันล้านครั้ง
  • TikTok มีโอกาสให้ผู้คนเข้าถึงโฆษณามากกว่า 1.59 พันล้านยูสเซอร์
  • 56% ของผู้ใช้โซเชียลมีโปรไฟล์ TikTok กว่า 82% โดยเฉพาะ Gen Z
  • ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 พบว่า TikTok มีผู้ใช้อายุ 25-34 ปี ตามมาด้วยช่วงอายุ 18-24 ปี
  • TikTok กลายเป็น Product Discory ที่เหล่า Gen Z ใช้งานมากที่สุด
  • 54% ของชาว TikToker มีการเอนเกจกับแบรนด์ผ่านคอนเทนต์ทุกวันบนแพลตฟอร์ม

YouTube statistics

ในปัจจุบัน YouTube ยังคงเป็นแพลตฟอร์มตัวท็อปเรื่องคอนเทนต์วิดีโอ และโดดเด่นในการแข่งขันเรื่องของ Watch Time และ Engagement เรื่องวิดีโอกับแพลตฟอร์มอื่น ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์แบบ long-form หรือ Short-form ก็ตาม

  • ในปี 2024 สถิติรายงานว่า YouTube มีผู้ใช้ 2.5 พันล้านคนทั่วโลก
  • 78% ของผู้ใช้โซเชียลมีเดียมีแอ็กเคานต์ YouTube เป็นของตัวเอง
  • จากสถิติพบว่าผู้คนทั่วโลกใช้เวลาบน YouTube มากกว่าแพลตฟอร์มคู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุดอย่าง TikTok เกือบสองเท่า
  • 70.29% ของการเข้าชม YouTube มาจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ เช่น โทรศัพท์ หรือแล็ปท็อป
  • ผู้ใช้ YouTube กว่าครึ่งหนึ่งชอบวิดีโอแบบ Long-form และมีวิดีโอความยาว 31-60 วินาทีเป็นตัวเลือกรองลงมา

เรียกได้ว่าแม้คอนเทนต์วิดีโอสั้นจะได้รับความนิยมมากกว่า แต่คอนเทนต์แบบ long-form ก็ยังคงได้รับความนิยมบน YouTube อยู่ แสดงให้เห็นว่าผู้คนต้องการทั้งความบันเทิง และความรวดเร็วไปพร้อมกับอินไซต์ต่าง ๆ ในฟอร์แมตนี้ ซึ่งการวางกลยุทธ์เพื่อเพิ่มการรักษาผู้ชมจึงสำคัญที่สุดในการทำ YouTube

X (Twitter) statistics

X เป็นแพลตฟอร์มที่รู้จักกันดีในชื่อที่คุ้นเคยอย่าง Twitter และพอรีแบรนด์ก็มีอะไรที่ต้องปรับกันเยอะขึ้นเพื่อให้เป็น ‘Everything App” แต่ก็ยังคงคอนเซปต์การเป็น Real-time ที่เน้นการถกประเด็น ตามแฮชแท็ก และอัปเดตเทรนด์อยู่

  • X มี Monthly Active User ที่ 611 ล้านคนทั่วโลก
  • ผู้ใช้โซเชียลมีเดียครึ่งหนึ่งของแพลตฟอร์มทั้งหมดมีโปรไฟล์ X
  • ในปี 2024 มีสถิติว่า X มี User Active Second ที่ 3,640 ล้านวินาที และ 8.3 พันล้านวิวสำหรับยอดวิวของวิดีโอทั้งหมดต่อวัน
  • ผู้ใช้ X มากกว่า 60.3% เป็นผู้ชาย
  • ในปี 2024 ผู้ใช้ X กว่า 59% ใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อติดตาม และอัปเดตข่าวสารแบบเรียลไทม์

Social media video statistics

การแสดงภาพข้อมูลของ Wyzowl แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคชอบเรียนรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการอย่างไร

ในตอนนี้คอนเทนต์วิดีโอได้กลายเป็น ‘All-time Favorite Content Type’ ของผู้คนทั่วโลกไปแล้ว เพราะขับเคลื่อนผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ได้ พร้อมสถิติที่น่าสนใจ ดังนี้

  • กว่า 80%ต้องการให้แบรนด์โฟกัสไปที่การทำคอนเทนต์วิดีโอความยาวน้อยกว่า 30 วินาที
  • กว่า 78% ชอบที่จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับโปรดักต์ และบริการใหม่ ๆ ผ่านคอนเทนต์วิดีโอสั้น
  • 93% ของนักการตลาดวางแผนที่จะใช้จ่ายไปกับตลาดวิดีโอเท่าเดิม หรือมากกว่าเดิมในปี 2025
  • นักการตลาดมองว่า 99% คอนเทนต์วิดีโอช่วยให้เข้าใจโปรดักต์มากขึ้น, 96% เพิ่มการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์, 88% สร้างฐานกลุ่มเป้าหมาย, 82% เพิ่มปริมาณการเยี่ยมชมเว็บไซต์
  • ตลาดโฆษณาวิดีโอดิจิทัลทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตจาก 104.65 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 เป็น140.18 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025

กลายเป็นว่าตอนนี้ครีเอเตอร์ และแบรนด์จะต้องโฟกัสไปที่คอนเทนต์วิดีโอ เพื่อให้เกิดความเข้าถึงง่าย และเหมาะกับคอนเทนต์ที่รับชมได้ทุกที่ ไม่ว่าคอนเทนต์นั้นจะให้ความบันเทิง ให้ความรู้ หรือให้แรงบันดาลใจในเวลาไม่ถึง 30 วินาทีก็ตาม

ซึ่งในตอนนี้ Instagram ได้รับความนิยมมากที่สุดถึง 57.1% ก็เพื่อให้นักการตลาดสามารถพาร์ตเนอร์กับเหล่าครีเอเตอร์ได้ ส่วน TikTok ก็ได้รับความนิยมอันดับ 2 ตามมา

Consumer behavior statistics

แนวคิด และพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่ก็มีผลกระทบต่อโซเชียลมีเดียหากสิ่งเหล่านี้เปลี่ยนไป

  • Facebook (40%) และ YouTube (32%) เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยมที่ผู้คนใช้สำหรับการอ่าน และรับชมรีวิว
  • ผู้คนใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 56% ในการซื้อของออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์
  • ผู้บริโภคกว่า 80% ระบุว่า การมีโซเชียลมีเดียทำให้อยากซื้อของตามกระแสหลายครั้งต่อปี หรือมากกว่านั้น ในขณะที่ 28% มักจะซื้อของตามอารมณ์เดือนละครั้ง
  • ผู้ใช้โซเชียลประมาณ 73% เห็นด้วยว่า หากแบรนด์ไม่แอ็กทีฟบนโซเชียลมีเดีย จะทำการซื้อของฝั่งคู่แข่งแบรนด์นั้น
  • ผู้บริโภคเกือบ 3 ถึง 4 รายคาดหวังว่าจะได้รับการตอบกลับจากแบรนด์ภายใน 24 ชั่วโมง หรือเร็วกว่านั้น

โดยสรุปแล้วความไว้วางใจที่แบรนด์จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้นั้น สำคัญต่อการตัดสินใจซื้อในสเต็ปต่อไปมาก เพราะผู้คนต้องการบริการที่รวดเร็ว และสื่อสารที่โปร่งใส รวมถึงการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ และตอบกลับรวดเร็ว ไปจนถึงสร้างคอนเทนต์ที่จริงใจ ก็จะเปลี่ยนลูกค้าให้เป็น ‘Brand loyalty’ ได้ไม่ยาก

และการติดตามสถิติบนโลกโซเชียลที่มีการแปรผันอยู่ตลอดเวลา ก็จะทำให้ครีเอเตอร์ และแบรนด์สามารถตั้งตัว และสร้างกลยุทธ์ในการรับมือทัน เพราะคอนเทนต์ และแพลตฟอร์มต้องมีการปรับจูนกันอยู่ตลอดเวลาในโลกของอัลกอริทึม ควบคู่ไปกับความสนใจของผู้คนตามยุคสมัยนั่นเอง

ดาวน์โหลดรีพอร์ตฉบับเต็มได้ที่นี่: https://metricool.com/social-media-trends-2025/

ที่มา: https://sproutsocial.com/insights/social-media-statistics/

Copyright © 2025 RAiNMaker. All rights reserved.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save