ตั้งชื่อโพสต์ บทความสำหรับ Social Media กับ Search Engine ยังไงให้ชวนคลิก

หลายคนอาจจะสงสัยว่าเวลาจะตั้งชื่อบทความหรือโพสต์ต่าง ๆ บนเว็บไซต์ เช่น ข่าวหรือบทความนั้น มีเทคนิคหรือวิธีการตั้งอย่างไรบ้าง ซึ่งหลายคนอาจจะมองข้ามความสำคัญตรงนี้ไปเพราะคิดว่าก็ในเมื่อเวลาคนอ่านเขาเข้ามาอ่านเนื้อหาอยู่แล้วไม่ได้เข้ามาดูหัวข้อ แต่จริง ๆ แล้วอย่าลืมว่าหัวข้อของเรานั้นมีความสำคัญกับสิ่งที่เรียกว่า Discoverability หรือโอกาสในการที่กลุ่มเป้าหมายของเราจะกดเข้ามาอ่านเว็บไซต์ของเรา

ทีนี้อาจจะสงสัยว่าก็การตั้งชื่อหัวข้อให้ดูน่าสนใจน่ากดเข้ามานั้นก็คือ clickbait อย่างเดียวหรือเปล่า ? จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย วันนี้เราจะมาสอนการตั้งชื่อบทความและเว็บไซต์ของเราให้เหมาะสมและดึงดูดคนให้เข้ามาในเว็บของเราด้วยวิธีการที่ไม่ใช่ clickbait กัน

ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าหลัก ๆ แล้วในการที่คนจะกดเข้ามาที่เว็บไซต์ของเรานั้นมีอยู่ 2 ช่องทางหลัก ๆ ได้แก่

  • Social Media หรือการมองเห็นจาก Feed ต่าง ๆ Facebook, Twitter
  • Google หรือจากการค้นหาด้วย Search Engine ต่าง ๆ

จริง ๆ แล้วอาจจะมีช่องทางอื่น ๆ อีกเช่นการลิ้งค์เข้ามาผ่านเว็บอื่น ๆ แต่อันนั้นนับเป็น Reference ไม่นับเป็นการ Discover เลยไม่เกี่ยวกัน ทีนี้เราจะต้องมาทำความเข้าใจว่า พฤติกรรมของคนบน Social Media กับบน Google Search นั้นต่างกัน

คงไม่ต้องให้อธิบายว่า Facebook Feed หน้าตาเป็นอย่างไร หรือ Google Search นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่เราอยากให้คิดตามก็คือคู่แข่งของเราบน Facebook คืออะไร คู่แข่งบน Google Search คืออะไร

Feed Facebook นั้นเป็นเหมือนกับชั้นหนังสือ 1 เล่มที่เนื้อหาหลากหลาย กระจัดกระจายไป คนบน Facebook ก็เหมือนเดินเล่นชมหนังสือทั่วไปไม่ได้เจาะจงหาเล่มไหนเป็นพิเศษ แต่เขาจะหยุดหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านเมื่อเขาเห็นว่าน่าสนใจและเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาชอบ

ในขณะที่ Google Search นั้นชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นผลการค้นหา แปลว่าชั้นหนังสือของ Google Search จะเป็นหนังสือในหัวข้อเดียวกันหลาย ๆ เล่ม โดยที่เล่มที่ดูเหมือนว่าจะเป็นประโยชน์และตรงกับสิ่งที่คนอ่านต้องการมากที่สุดนั้นมีโอกาสที่จะถูกหยิบมาอ่านมากกว่า

แล้วเราจะตั้งชื่อบทความอย่างไรให้เหมาะสม

ทีนี้เราจะตั้งชื่อบทความอย่างไรให้โดดเด่นสำหรับ Social Media Feed และ Google Search ตรงนี้ต้องย้อนกลับไปก่อนว่าคอนเทนต์ของเราในบทความนั้นเป็นแบบไหน แล้วเราให้ weight กับฝั่งไหนมากกว่ากัน เช่น คอนเทนต์ข่าว การเล่าเรื่อง บทความวิเคราะห์ประเด็นน่าสนใจต่าง ๆ อาจจะให้ weight ไปในทาง Social Media ส่วนคอนเทนต์ประเภทให้ข้อมูล รีวิว บอกข้อมูลเชิงลึกต่าง ๆ วิธีการ How to อาจจะเน้นไปทาง Google Search

  • เนื่องจาก Social Media นั้นมีคอนเทนต์ที่หลากหลาย เราอาจจะต้องระบุชัดไปเลยว่าคอนเทนต์ของเราเกี่ยวกับอะไร เป็นอย่างไร
  • ส่วน Search Engine นั้นให้เน้นบอกว่า คอนเทนต์ของเราตรงกับความต้องการเขาอย่างไร ในนั้นมีข้อมูลอะไรบ้าง

ยกตัวอย่างเช่น รีวิวร้านอาหาร ร้านไก่ทอดนายป้อม ถ้าสมมติว่าตั้งชื่อให้ดีกับ Social Media อาจจะใช้แนว ๆ ว่า “รีวิวร้านไก่ทอดนายป้อม ไก่บ้านแท้ อร่อยที่สุดในกรุงเทพ” จะเห็นว่าวิธีการตั้งชื่อจะเน้นความน่าสนใจ แต่ถ้าแบบ Search Engine เราจะใช้แนว ๆ ว่า “ไก่ทอดนายป้อม รีวิว ราคา อร่อยไหม วิธีเดินทาง” ซึ่งจะเห็นว่าเราเอา keyword ที่สำคัญมานำหน้าคือ ไก่ทอดนายป้อม ตามด้วยการบอกว่าในคอนเทนต์ของเรามีอะไรบ้าง รีวิว ราคา อร่อยไหม ซึ่งคนที่เห็นจะรู้ทันทีว่าเนื้อหาด้านในมีอะไรบ้าง สมมติว่าคน Search อยากรู้ราคา เขาเห็นว่าหัวข้อของเรามีราคาบอก (กดเข้ามาดูแล้วมีแน่ ๆ) โอกาสที่เขาจะกดเข้ามาเมื่อเทียบกับผลการค้นหาอื่น ๆ ที่ไม่ได้บอกว่ามีราคาก็จะมีมากกว่านั่นเอง

แล้วเราจะตั้งชื่อบทความให้แสดงบน Social Media และ Google Search ให้ไม่เหมือนกันได้ไหม ? คำตอบก็คือได้ ใครที่ใช้เว็บเป็น WordPress ถ้าเราใช้ Plug-in ที่ชื่อว่า Yoast SEO จะมีเมนูด้านล่างให้เราเลือกตั้งชื่อให้แตกต่างกันระหว่าง Social Media (เวลาไปแชร์ใน Facebook, Twitter) และผลการค้นหาบน Google ได้

จะเห็นว่าเทคนิคการตั้งชื่อบทความ ข่าว โพสต์ หรือเว็บไซต์ให้ดึงดูดคนอ่านนั้นไม่จำเป็นว่าจะต้องตั้งให้เป็น clickbait เสมอไป แต่วิธีคิดก็คือให้ดูโอกาส Discoverability ของคอนเทนต์เราว่ากลุ่มเป้าหมายของเราที่เราต้องการจะเจอเว็บของเราได้จากที่ไหน อย่างไร และเขามีความต้องการอย่างไร แล้วก็ตั้งชื่อให้เขารู้สึกว่าเว็บไซต์ของเราให้สิ่งที่เขาต้องการได้เท่านั้นเอง

 

Copyright © 2024 RAiNMaker. All rights reserved.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save