โดยปกติแล้วการลงโฆษณา หรือโปรโมตแคมเปญมักจะได้ติดตามผลลัพธ์ด้วยตัวเอง และบางครั้งอาจจะพลาดการวิเคราะห์ข้อมูล หรือส่วนสำคัญที่นำไปต่อยอด และแก้ไขกับแคมเปญต่อไป แต่ฟีเจอร์ “Opportunity Score” ใน Meta Ads Manager จะช่วยให้คะแนนแคมเปญนั้น และหาแนวทางต่อไปสำหรับแบรนด์ที่ลงโฆษณาได้
ซึ่ง Opportunity Score จะมีเกณฑ์การให้คะแนนตั้งแต่ 0 – 100 คะแนนสำหรับการโปรโมตแคมเปญของแบรนด์บน Meta เพื่อเพิ่มโอกาสการปรับแต่งแคมเปญให้คะแนนใกล้ 100 คะแนนได้มากที่สุด แต่หากไม่เฉียด 100 คะแนนก็จะมีคำแนะนำเพิ่มเติม
ตั้งแต่ฟีดแบ็กของแคมเปญ และการอัปเดตองค์ประกอบในการโปรโมตแคมเปญที่แบรนด์ยังอัปเดตได้ แต่บางคำแนะนำก็ไม่ได้มีการแนะนำเรื่องการปรับแต่งเสมอไป เพราะจะมีการคำนวณเรื่องคะแนนอ้างอิงมาจาก AI ของ Meta ในการวิเคราะห์ด้วย
โดยคะแนนก็จะขึ้นอยู่กับจำนวนคำแนะนำจาก Meta Ads Manager ที่ใช้ ซึ่งคำแนะนำได้พิสูจน์แล้วว่าช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพได้ และหากเกิดข้อผิดพลาดกับแคมเปญ เช่น ข้อมูลขาดหาย หรือมีการละเมิดนโยบายของแพลตฟอร์ม ก็จะมีคำเตือนปรากฏขึ้นมาด้วย
เรียกได้ว่ายิ่งแบรนด์ทำตามกฎของ Meta มากเท่าไหร่ คะแนนของ Opportunity Score ก็อาจจะดียิ่งขึ้นเท่านั้น เพราะ Meta มองว่านี่คือโอกาสที่จะทำให้แบรนด์สามารถปรับปรุงการลงโฆษณาได้ แต่คะแนนที่วิเคราะหฺได้ก็เป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น ไม่ใช่แนวทางในการปฏิบัติที่ชัดเจน 100%
โดย Meta พบว่า ในการทดสอบ Opportunity Score แบรนด์ และผู้ลงโฆษณาที่นำคำแนะนำเรื่องคะแนนของ Meta ไปใช้ มีค่าใช้จ่ายต่อผลลัพธ์ลดลงเฉลี่ย 12% หรือมีโอกาสที่คะแนนเหล่านั้นอาจไม่ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเสมอไป แต่เป็นคำแนะนำที่ทำให้เป็นระบบมากขึ้นเท่านั้น
นอกจากนี้ Meta ยังเปิดตัวแคมเปญ Advantage+ ซึ่งสอดคล้องกับ Opportunity Score เพื่อช่วยให้แบรนด์สามารถนำโซลูชันที่ใช้ AI มาใช้ในแคมเปญได้มากขึ้น อย่าง CPA (Cost Per Acquisition) หรือต้นทุนโฆษณาอยู่ที่ 7% ถึง 9% โดยเฉลี่ย
ที่มา: https://www.socialmediatoday.com/news/meta-launches-opportunity-score-all-advertisers/750231/