NewsSocialTwitter

Avatar

doyoumind November 24, 2022

รวมมิตรผลลัพธ์ Twitter 2.0 การบริหาร Twitter ฉบับ “อีลอน มัสก์”

หลังจาก Twitter มีปัญหามากมาย ตั้งแต่วันแรกที่ “อีลอน มัสก์” เข้ารับตำแหน่ง CEO จากทั้งไล่ผู้บริหารระดับสูงทั้ง CEO, CFO และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฏหมาย การไล่พนักงานออก ไหนจะรวมพนักงานที่สมัครใจออกเองกว่าอีก 1,000 คน เนื่องจากการปรับนโยบายการทำงานใหม่ที่ฮาร์ดคอร์กว่าเดิม เพื่อลดค่าใช้จ่าย และโฟกัสให้สร้างรายได้ได้มากขึ้น

มัสก์ได้มีนโยบายปรับลดพนักงาน โดยไล่พนักงานออกจากในเดือนกันยายนที่มีพนักงานจำนวน 7,500 คน ปัจจุบันเหลือเพียงประมาณ 2,700 คนเท่านั้น ผู้คนสังเกตได้ว่าหลังจากพนักงานออกไปจำนวนมากก็ส่งผลให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาอย่างต่อเนื่อง

จนพนักงานเก่าที่ออกไปออกมาเตือนอีกว่าในอนาคต Twitter อาจล่มสลายจากความตึงเครียดที่ทวีคูณมากขึ้น แต่มัสก์เองก็ยังคงยืนยันว่ายอดการใช้งาน Twitter ยังคงเป็น All-time High อยู่ แต่ก็ไม่อาจทราบได้ว่าในอนาคตยอดผู้ใช้งานจะลดลงจริงหรือไม่ และการที่จำนวนพนักงานของ Twitter ลดลงจะส่งผลต่อผู้ใช้งานจริงหรือเปล่า ซึ่งเท่าที่เห็นตอนนี้ผลกระทบด้านการใช้งานก็ไม่น้อยเลยทีเดียว

ทั้งระบบการยืนยันตัวตนที่พังไม่เป็นท่า หลังจาก Twitter Blue เปิดให้คนที่เสียค่าสมาชิกได้รับเครื่องหมาย Verified Account ส่งผลให้บัญชีปลอมสวมรอยเป็นคนดังเพียบ จนต้องระงับไปก่อน

ระบบตรวจสอบลิขสิทธิ์ผลงานที่รวนจนมีผู้ใช้อัปโหลดภาพยนตร์ต่อเป็นเธรดกว่า 50 ทวีต จนเต็มเรื่อง ทั้ง Avatar (2009), The Fast and the Furious: Tokyo Drift (2006), Need for Speed และ SpongeBob SquarePants เป็นต้น

แต่ Twitter ก็ใช้เวลากว่า 2-3 วันกว่าจะจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น และลบคลิปดังกล่าว จึงทำให้มีผู้ใช้ละเมิดกฎหลายคนเลยทีเดียวที่นำภาพยนตร์ที่ติดลิขสิทธิ์มาเผยแพร่ ส่งผลให้ฉุกคิดว่านี่อาจเป็นหนึ่งในผลกระทบที่มาจากการไล่พนักงานจำนวนมากออกก็เป็นได้ จึงทำให้ขาดการมอนิเตอร์เนื้อหาอย่างละเอียดอย่างที่แพลตฟอร์มควรจะเป็น

ซึ่งนี่อาจนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่ขึ้นได้อนาคต การที่ Twitter ไม่สามารถควบคุมและคัดกรองเนื้อหาได้อย่างเหมาะสม อาจทำให้มีเนื้อหาความรุนแรง หรือเนื้อหาเกี่ยวกับเพศ ภาพโป๊เปลือย ที่ไม่เหมาะกับเด็ก เป็นต้น แม้ว่ามัสก์จะย้ำว่าการจัดการเนื้อหาทางเพศกับสำหรับเด็กเป็นสิ่งที่แพลตฟอร์มให้ความสำคัญอันดับแรก ๆ ก็ตาม

นอกจากนี้ ด้านการยิงโฆษณาก็เกิดปัญหาเช่นกัน มีการรายงานว่าแคมเปญที่ทำการโฆษณาขึ้นพร้อมกับข้อความ ‘Hardcore Antisemitism and Adult Spam’ อยู่ข้าง ๆ แถมบางแคมเปญที่ Pause ไว้ยัง Reactivate เองโดยไม่มีการแจ้งเตือนใด ๆ อีกต่างหาก

ด้วยเหตุนี้ ทำให้เหล่านักโฆษณา และนักการตลาดรายใหญ่เลือกหยุดลงเงินกับการโฆษณาบน Twitter ชั่วคราว เนื่องจากประสิทธิภาพการแสดงผลการยิงโฆษณาที่ลดลง และคาดว่าหลายคนคงรอให้แพลตฟอร์มจะหาหนทางแก้ไขส่วนนี้ได้ก่อน จึงจะกลับมาลุยลงโฆษณาแบบเต็มที่อีกครั้ง

ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ผู้ใช้บางรายยังรายงานว่ามีผู้ใช้ที่ไม่ใช่ผู้ติดตามของตนเห็นทวีตจากบัญชีส่วนตัวอีกด้วย แต่หลายคนก็ออกมาบอกว่านี่เป็นปัญหาเดิมที่มีอยู่บน Twitter อยู่แล้ว เพียงแค่ดูจะหนักขึ้นในช่วงนี้เท่านั้น

รวมถึงปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกมากมายที่ผู้ใช้งานเริ่มสังเกตเห็นมากขึ้น อย่าง การไม่สามารถดู Reply บนทวีตได้, การเห็นบางทวีตเดิมซ้ำบนหน้าฟีด, การใช้เวลาโหลดนาน, เหล่า Scammer ที่ DM มารบกวน, ทวีต Reply ไปแสดงอยู่เหนือทวีตหลัก และวิดีโอไม่โหลด เป็นต้น

แม้ปัญหาดังกล่าวจะถูกพบเห็นอยู่บ้างบน Twitter แต่ช่วงหลังมานี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีผู้ใช้รายงานเกี่ยวกับปัญหายิบย่อยเหล่านั้นเข้ามาเยอะมากขึ้น ถึงจะเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ แต่สิ่งเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ผู้ใช้แพลตฟอร์มใช้งาน และพบเจอทุกครั้ง ในอนาคตปัญหาต่าง ๆ ก็อาจสะสมกันจนก่อให้เกิดผลกระทบที่ใหญ่ขึ้นได้เช่นกัน

จนอาจส่งผลให้ผู้ใช้เริ่มมองหาแพลตฟอร์มอื่น ไม่แน่ใจว่าเพราะเหตุนี้เลยทำให้มัสก์พยายามดึงบุคคลดังที่เคยถูกแบนบน Twitter ให้กลับมาบนแพลตฟอร์มหรือไม่ โดยการสร้างโพลสำรวความคิดเห็นอย่างคนแรกที่มัสก์นำกลับมาคือ อดีตประธานาธิบดีสหัรัฐฯ “โดนัลด์ ทรัมป์” ซึ่งทรัปม์ก็ปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าจะไม่กลับมาใช้ Twitter และขออยู่บน “Truth Social” แพลตฟอร์มของตัวเองดีกว่า

แต่ยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะมัสก์ยังคงเริ่มสร้างPoll สอบถามเพิ่มเติมว่า หากบัญชีที่ถูกระงับไม่ได้ทำผิดกฏหมาย หรือเกี่ยวข้องกับสแปมที่ร้ายแรง ควรจะให้โอกาสบัญชีเหล่านั้นกลับมาบนแพลตฟอร์มดีหรือไม่ ซึ่งผลโพลตอนนี้เห็นด้วย 72.3% (ข้อมูล ณ วันที่ 24 พ.ย. 65) แต่ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมว่ามัสก์จะมีแพลนเริ่มปลดแบนบัญชีเหล่านั้นเมื่อไหร่

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่มัสก์ไล่พนักงานออกอาจส่งผลกระทบต่อปัญหาต่าง ๆ ดังที่กล่าวไปข้างต้นเป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น ในความจริงแล้วอาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวข้องก็ได้ แต่สิ่งที่แน่นอนคือมัสก์มั่นใจกับการบริหารรูปแบบใหม่ และคิดว่ากำลังนำพา Twitter ไปถูกทางแล้ว

แถมเมื่อเสร็จสิ้นการลดจำนวนพนักงานลงมัสก์ยังเริ่มเปิดรับพนักงานเพิ่ม โดยเน้นไปที่ฝ่ายวิศวกรรม และฝ่ายขาย รวมถึงกระตุ้นให้พนักงานแนะนำคนที่รู้จักให้มาสมัครงานอีกด้วย นอกจากนี้แผนในอนาคตมัสก์ยังกล่าวว่าอาจจะกระจายศูนย์การทำงานให้มีทีมเฉพาะแต่ละประเทศ

แม้การทำงานของมัสก์ในฐานะ CEO ของ Twitter อาจจะเป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่ง และเป็นช่วงเวลาในการลองผิดลองถูกเพื่อปรับโครงสร้างต่าง ๆ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่น่าจับตามองว่ามักส์จะพา Twitter ผ่านความโกลาหลนี้ และไปถึงฝันที่ตั้งไว้ในแบบที่ถูกใจทุกฝ่ายได้หรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป

อ้างอิง:

Copyright © 2024 RAiNMaker. All rights reserved.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save