NewsTwitter

Avatar

Thesky December 13, 2022

หรือ Twitter จะกลายเป็น Facebook? หลังเตรียมเพิ่มจำนวนการพิมพ์ 4,000 ตัวอักษร

ทุกคนคงจะคุ้นชินกับเสน่ห์ของ Twitter กันดี ว่าเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่สั้น กระชับ และสามารถทวีตได้ตลอดทั้งวันเพื่ออัปเดตเรียลไทม์ แต่ดูเหมือนเสน่ห์เหล่านั้นจะเริ่มเลือนลางไป จาก 140 ตัวอักษร สู่ 280 ตัวอักษร และกำลังจะมาถึงยุค 4,000 ตัวอักษรกันแล้ว

แม้  Tweet จะมาจากเสียงนกร้อง หรือเจ้านก “แลร์รี” (Larry) ที่ใช้เวลาเปล่งเสียงออกมาสั้น ๆ แสดงถึงเอกลักษณ์ของความเป็น Twitter ก็ตาม

แต่ดูเหมือนว่าจากแพลตฟอร์มที่เน้นให้ผู้คนสื่อสารกันด้วย 140 ตัวอักษรกำลังจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ตั้งแต่ปี 2017 ที่ 280 ตัวอักษร ไปสู่หลักพันตัวอักษรกันแล้ว ซึ่งหลายคนมองว่าเริ่มจะเหมือน Facebook เข้าไปทุกที

โดย Elon Musk ได้ตอบกลับข้อความบน Twitter ของ Allan Obare ที่ถามถึงความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลงให้ชาวทวิตเตี้ยนโพสต์ยาว ๆ ได้ ด้วยคำตอบว่า “Yes” ซึ่งหมายถึงเขากำลังพัฒนาให้มันเกิดขึ้นอยู่จริง ๆ

และหากมันเกิดขึ้นจริงในสักวัน อาจทำให้ Twitter กลายเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลเดียวที่ยังคงเหลือความเป็นโซเชียลอยู่ก็ได้

เพราะแพลตฟอร์มอื่น ๆ อย่าง Facebook, Instagram, YouTube ต่างก็พากันมุ่งไปทางคอนเทนต์วิดีโอสั้นกันหมด จนยอดเอ็นเกจเมนต์โพสต์ปกติที่เป็นบทความแทบจะไม่ถูกแนะนำขึ้นหน้าฟีด หรือโดนลดยอด Reach ไปเลยก็ว่าได้

เพราะเหตุผลนี้ เลยอาจทำให้ผู้คนโหยหาการโพสต์บนฟีดโซเชียลแบบเดิมมากขึ้น และ Twitter จะกลายมาเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ผู้คนอยากจะโพสต์ระบาย หรือเล่าเรื่องราวต่าง ๆ เป็นบทความมากขึ้นไปด้วย

เพียงแต่ต้องยอมเสี่ยงลดเสน่ห์ความเป็น Twitter ลงไป เพราะ 4,000 ตัวอักษร แทบจะไล่ยาวเป็นเรียงความได้เลย แถมยังอาจทำให้การทวีตลักษณะเป็นเธรดเริ่มหายไปด้วย เพราะโดยปกติการโพสต์เกิน 280 ตัวอักษร จะต้องมีเล่าต่อในเธรดเสมอ

แต่ชาวทวิตเตี้ยนบางกลุ่มก็มองว่าการจำกัดข้อความ เป็นสิ่งที่ทำให้รำคาญใจมาตั้งแต่แรกเริ่ม และรู้สึกว่าการพิมพ์ข้อความภายใน 4,000 ตัวอักษร ให้อิสระมากกว่าด้วย ซึ่งแน่นอนว่าความสั้นกระชับจะไม่มีอีกต่อไป และอาจส่งผลทำให้ผู้คนในแพลตฟอร์มนั้นเบื่อที่จะใช้พลังในการกวาดสายตาอ่านอะไรยาว ๆ ก็เป็นได้

ในฐานะสื่อมีข้อดีที่ทำให้สามารถโพสต์บทความข่าวลักษณะยาว ๆ หรือใส่ข้อมูลได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องเหนื่อยตัดคำให้ครบ 280 ตัวอักษร

แต่ข้อเสียคือ การขาดเสน่ห์ของความกระตุ้นให้อยากรู้ไปอย่างแน่นอน เพราะการมี “See more” หรืออ่านต่อในเธรด ต้องยอมรับว่าเป็นวิธีทำให้ชาวทวิตเตี้ยนอยากติดตามอ่านต่อเอง มากกว่าจะเห็นทั้งหมดภายในทวีตเดียว

หรือแม้ทางแพลตฟอร์มจะเปลี่ยนไป แต่ผู้บริโภคไม่ได้เปลี่ยนตาม และยังคงรักษาวิธีการเดิม ใช้ Twitter ให้เป็น Twitter ก็อาจจะไม่มีผลกระทบกับพฤติกรรมพวกเขาสักเท่าไหร่

สุดท้ายแพลตฟอร์มก็สามารถเปลี่ยนกลับไปกลับมาตามพฤติกรรมผู้บริโภคอยู่ดี  เพราะคนที่จะให้คำตอบได้ว่าอะไรจะเวิร์กหรือไม่เวิร์กคือผู้ใช้งาน ไม่ใช่แค่เจ้าของแพลตฟอร์มเพียงฝ่ายเดียว

ที่มา: MacRumors

Copyright © 2024 RAiNMaker. All rights reserved.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save